กรณีข่าวการตรวจพบ "ไซบูทรามีน" ที่มีรายงานถึงผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจพิสูจน์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชื่อดังเมื่อไม่นานมานี้
"ฐานเศรษฐกิจ" ชวนไปทำความรู้จักกับ "ไซบูทรามีน" เกี่ยวกับอันตรายและผลกระทบต่อร่างกายหากมีการรับประทานเข้าไปจะเกิดผลอย่างไรบ้าง รวมถึงบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกระทำความผิดทั้งกรณีนำเข้า ส่งออก ครอบครอง รวมถึงบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีไซบูทรามีนเป็นส่วนผสมถือว่า เป็นการกระทำผิด มีโทษจำคุกหรือปรับ
ไซบูทรามีน มักถูกนำไปใช้กับอาหารเสริมลดน้ำหนัก ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ลดความอยากอาหาร อิ่มเร็วขึ้น เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง ถูกถอนออกจากตลาดแล้ว
หลังรับประทานยาไซบูทรามีน ยาจะออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาท โดยการเพิ่มสารสื่อประสาทเซโรโทนิน (serotonin) นอร์อีพิเนฟรี (norepinephrine) รวมถึงโดปามีน (dopamine) ซึ่งสารสื่อประสาทเหล่านี้จะออกฤทธิ์ทำให้อารมณ์ดี ต้านการซึมเศร้า และสามารถลดความอยากอาหารได้ สามารถกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ด้วยฤทธิ์เหล่านี้จึงสามารถนำมาใช้ลดนํ้าหนักได้
ไซบูทรามีน จะมีประสิทธิภาพในการลดนํ้าหนักได้ดีในช่วงแรก คือ ประมาณ 6 เดือนแรกหลังใช้ยาแต่หลังจากนั้นยานี้จะไม่สามารถ ลดนํ้าหนักได้เพิ่มขึ้นจะช่วยเพียงคงนํ้าหนักให้คงที่
ทั้งนี้ เนื่องจากมีรายงานถึงผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต ในปี 2553 ประเทศในยุโรปได้ประกาศยกเลิกไม่ให้ใช้ยานี้ รวมทั้งในประเทศไทยได้มีการเรียกเก็บยาที่มีสารไซบูทรามีนออกจากท้องตลาดและยกเลิกทะเบียนยาไซบูทรามีนในปี 2553 แต่ยังมีปัญหาการลักลอบใส่ไซบูทรามีนในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยังคงพบอยู่
กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ออกประกาศฯ กำหนดให้ "ไซบูทรามีน" เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2561 มีบทลงโทษผู้ที่กระทำความผิด ดังนี้
ผู้ใดที่ผลิต นำเข้า หรือส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีไซบูทรามีนเป็นส่วนผสมต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี ปรับตั้งแต่ 500,000 - 2 ล้านบาท
ผู้ใดผลิตเพื่อขาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7-20 ปี และปรับตั้งแต่ 700,000- 2 ล้านบาท
ผู้ใดขายมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 - 2 ล้านบาท
ผู้ใดครอบครองจะมีโทษจำคุก 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้กฎหมายยังกำหนดให้ผู้ที่บริโภคก็ถือว่า เป็นความผิดด้วย โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อมูล กองควบคุมวัตถุเสพติด