11 มีนาคม 2567 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการลงนามความตกลงประเทศเจ้าบ้าน (ASEAN Centre for Active Ageing and Innovation: ACAI) ในนามรัฐบาลไทยกับ นายแพทย์สุวิทย์ วิบุลย์ผลประเสริฐ ในนามประธานกรรมการบริการศูนย์ ACAI เป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียนและภาคีเครือข่ายเพื่อรองรับสังคมสูงอายุ
พันธกิจหลักของศูนย์ ACAI ประกอบด้วย 5 ด้านหลักที่สำคัญ คือ การเป็นศูนย์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ, ให้คำแนะนำเชิงนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแนวทางการส่งเสริมผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ, การพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุ, การวิจัย การพัฒนา และการสร้างนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ และติดตามพัฒนาการของสังคมผู้สูงวัยในอาเซียน
ทั้งนี้ สำหรับสถานการณ์ประชากรผู้สูงอายุของไทย คาดการณ์กันว่า ภายในปี 2578 ประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอดโดยมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงส่งเสริมความร่วมมือด้านการสูงวัยอย่างมีศักยภาพ (Active Ageing) ในภูมิภาคอาเซียน จนเป็นที่มาของการจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงอายุอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม (ASEAN Centre for Active Ageing and Innovation: ACAI) ในประเทศไทยให้เกิดขึ้น
ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่า ภายในปี 2593 ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศจะกลายเป็นสังคมสูงวัยโดยปัจจุบันอาเซียนมีประชากรมากกว่า 660 ล้านคน ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมีจำนวนกว่า 74 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11 ของประชากรทั้งภูมิภาค มีประเทศสมาชิกอาเซียนที่เข้าสู่สังคมสูงวัยและสังคมวัยโดยสมบูรณ์แล้ว 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม มาเลเซียน อินโดนีเซีย และเมียนมา
สำหรับศูนย์ ASEAN Centre for Active Ageing and Innovation: ACAI ประเทศไทยได้ริเริ่มผลักดันให้เกิดความร่วมมืออาเซียนด้านการสูงวัยอย่างมีศักยภาพเป็นครั้งแรกในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 19 เมื่อเดือนกันยายน 2559 และที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ ASEAN Plus Three Statement on Active Ageing
โดยที่ประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 3-7 กันยายน 2560 ให้การรับรอง ASEAN Health Cluster Work Programmes of ASEAN Post -2015 Health Development Agenda (2016-2020) ให้มีการจัดตั้งศูนย์ ACAI ภายในปี 2562 ที่ประเทศไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านผู้สูงอายุของภูมิภาคอาเซียน รองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัย
โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์ร่วมกับกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์อาไก สนับสนุนทั้งกำลังคน งบประมาณ และสถานที่ในการจัดตั้งศูนย์ฯ โดยสำนักงานของศูนย์อาไกซึ่งตั้งอยู่บนชั้นที่ 3 อาคารนวัตกรรมเทคโนโลยีสุขภาพผู้สูงวัย กรมการแพทย์
ทั้งนี้ หลังจากที่ศูนย์ฯได้รับความเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยแล้ว รัฐบาลไทยจะสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของศูนย์ฯ ปีละประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปีเป็นเวลา 5 ปีต่อเนื่อง เพื่อให้ศูนย์ฯมีความมั่นคงสามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ต่อไป
เชื่อมั่นว่า การดำเนินการของศูนย์ฯจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนในการพัฒนาองค์ความรู้ และ นวัตกรรม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมสูงวัย และส่งเสริมคุณค่าของผู้สูงอายุให้ยังคงเป็นทรัพยากรสำคัญในการพัฒนาประเทศ ภายใต้ความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศรวมทั้งภาคีองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องในอนาคต