เปิดวิธีทำ "มุ้งสู้ฝุ่น-ห้องปลอดฝุ่น" สร้างพื้นที่ปลอด PM2.5

จากสถานการณ์ PM2.5 ที่เกิดขึ้นโดยในปี 2567 กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ว่า ผู้ป่วยจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการเฝ้าระวังการเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับการรับสัมผัสมลพิษทางอากาศ และจากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า สถานการณ์ฝุ่น  PM2.5 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 อยู่ในระดับสีแดงซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะในจังหวัดภาคเหนือตอนบนอย่างต่อเนื่องใน 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก

สถานการณ์มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดเท่ากับ 163.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เนื่องมาจากสภาพอุตุนิยมวิทยาประกอบกับพบจุดความร้อนในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากข้อมูลของระบบคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center (HDC) มีอัตราป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศกว่า 2,644 ต่อแสนประชากร โดยส่วนใหญ่เป็นการเจ็บป่วยในกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ รองลงมา คือ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ

วิธีทำห้องปลอดฝุ่น-มุ้งสู้ฝุ่น PM2.5 

1.ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด ป้องกันอากาศภายนอกเข้าไปในห้อง

2.เพิ่มประสิทธิภาพการลดฝุ่นในห้อง เช่น การใช้เครื่องฟอกอากาศ กำจัดอนุภาคของฝุ่นละอองที่อยู่ภายในห้อง หรือใช้เครื่องเติมอากาศ เพื่อเติมอากาศสะอาดเข้าไปให้ห้องโดยอุปกรณ์ดังกล่าวควรมีขนาดที่เหมาะสมกับห้อง

3.หากเป็นบ้านที่มีรูรั่วหรือมีช่องลมจำนวนมาก อาจใช้มุ้งสู้ฝุ่น โดยใช้มุ้งผ้าฝ้าย และใช้เครื่องเติมอากาศ ส่งอากาศสะอาดเข้ามุ้ง ซึ่งช่วยลดปริมาณฝุ่นได้เช่นเดียวกัน 

สำหรับประชาชนสามารถมาใช้บริการห้องปลอดฝุ่น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ให้หน่วยบริการสาธารณสุขจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นให้บริการเพื่อลดโอกาสรับสัมผัสมลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5 จำนวนทั้งหมด 2,690 ห้อง ใน 41 จังหวัด สนับสนุนให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานศึกษาและสถานที่เอกชนจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นอีกกว่า 1,000 ห้องทั่วประเทศโดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ หรือ ค้นหาห้องปลอดฝุ่นใกล้บ้าน 

สามารถดูข้อมูลห้องปลอดฝุ่นและมุ้งสู่ฝุ่นได้ที่เว็ปไซต์ https://podfoon.anamai.moph.go.th  

คำแนะนำสำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง

สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคระบบทางเดินหายใจ ต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสีแดง

1.งดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

2.กรณีจำเป็นต้องออกภายนอกให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นโดยเลือกหน้ากากที่มีขนาดที่เหมาะสมกับใบหน้าและสวมใส่ให้กระชับ

3.หากรู้สึกอึดอัดแนะนำให้เข้าไปในอาคารและถอดหน้ากากก่อน และหากสีของหน้ากากเปลี่ยนสีไปจากเดิมหรือฉีกขาดให้เปลี่ยนหน้ากากชิ้นใหม่ทันที

4.กรณีมีอาการรุนแรงให้รีบไปพบแพทย์ หรือใช้บริการพบแพทย์ของคลินิกมลพิษในสถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือผ่านแอพพลิเคชั่น DMS Telemedicine ของกรมการแพทย์ได้