ทั่วโลกเร่งรับมือวิกฤต "ผู้สูงอายุ" ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ พุ่ง 26 ล้านคน

13 ก.พ. 2567 | 15:33 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.พ. 2567 | 15:41 น.

จับตา อุบัติการณ์โรค HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในกลุ่มสูงวัย อายุ 60-89 ปี กำลังเพิ่มขึ้นในบางภูมิภาคของโลก ด้านสาธารณสุขทั่วโลก แสดงความเป็นห่วง พร้อมเร่งหามาตรการป้องกันโดยด่วน

KEY

POINTS

  • ปี 2562 พบผู้ป่วย HIV รายใหม่มากกว่า 77,000 ราย และผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในผู้สูงอายุเกือบ 26.5 ล้านราย
  • พบผู้สูงอายุติดโรคทางเพศสัมพันธ์ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ อนึ่ง จากการเข้าถึงอุตสาหกรรมทางเพศในบางประเทศ อันมีส่วนสนับสนุนการแพร่กระจายของโรค
  • การแพทย์ทั่วโลก ควรเร่งสร้างความตระหนักรู้ หาแนวทางการป้องกัน และจัดเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อเพิ่มแนวทางรับมือด้านปัญหาสุขภาพทางเพศของผู้สูงอายุ

ตามข้อมูลของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ผู้คนทั่วโลกมีอายุยืนยาวกว่าที่เคย ส่งผลให้จำนวนผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าภายในปี 2593 และทุกประเทศกำลังประสบกับการเติบโตของจำนวนและสัดส่วนของผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภายในปี 2573 17% ของประชากรโลกจะมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่งผลให้ตั้งแต่ปีปัจจุบัน (2567) ถึงปี 2593 ประชากรผู้สูงอายุทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 2.1 พันล้านคน 

จากการศึกษาและวิจัยของ The Lancet วารสารการแพทย์ชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเพศมีแง่มุมที่ถูกเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องอายุขัยมานานแล้ว ว่าสามารถทำให้มีอายุยืนยาวขึ้นและทำให้บรรทัดฐานทางสังคมเปลี่ยนไป

ประกอบกับความพร้อมด้านเภสัชบำบัด ส่งผลให้กิจกรรมทางเพศยังคงมีอยู่ในวัยสูงอายุต่อไปและเพิ่มมากขึ้น การมีกิจกรรมทางเพศอย่างต่อเนื่องเป็นการเพิ่มโอกาสในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) รวมถึงส่งผลให้อุบัติการณ์โรค HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในกลุ่มสูงวัย (60-89 ปี) เพิ่มขึ้นในบางภูมิภาคของโลก

การศึกษาที่ครอบคลุมเรื่อง HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในผู้สูงอายุยังขาดแคลน ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ความก้าวหน้าในการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) และโปรแกรมการรักษาทั่วโลก ส่งผลถึงอายุขัย(ที่เพิ่มขึ้น)ของผู้ติดเชื้อ HIV อย่างมีนัยสำคัญ โดยสอดคล้องกับอายุขัยของผู้ที่ไม่พบเชื้อ HIV อย่างไรก็ตาม การศึกษาเชิงประจักษ์ที่ครอบคลุมการประเมินภาระและแนวโน้มของเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในระดับโลกและระดับภูมิภาคในผู้สูงอายุยังคงขาดแคลน

อายุที่มากขึ้น สุขภาพที่ถดถอยลง เสี่ยงติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น 

เมื่อคนมีอายุมากขึ้น ระบบต่างๆ ในร่างกายยิ่งทำงานมีประสิทธิภาพลดน้อยลง รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันก็อ่อนแอลง ส่งผลให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ มากขึ้น รวมถึงเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ (STIs) เช่น ซิฟิลิส หนองในเทียม (การติดเชื้อคลามิเดีย พบในน้ำอสุจิและน้ำในช่องคลอดสตรี) หนองใน โรคพยาธิในช่องคลอด (การติดเชื้อ Trichomoniasis) และเริมที่อวัยวะเพศ

รองศาสตราจารย์ Evandro Fei Fang คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยออสโล กล่าวว่า “การติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในประชากรสูงอายุที่มีเพศสัมพันธ์อยู่ แพร่หลายพอๆ กับในกลุ่มวัยรุ่น” จึงจำเป็นต้องให้ความสนใจกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในประชากรสูงอายุ

โดยได้มีการวิเคราะห์แนวโน้มด้านอุบัติการณ์ อัตราการเสียชีวิต ความชุก และการสูญเสียปีสุขภาวะ (DALYs) จากการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60-89 ปี ตั้งแต่ปี 2533 ถึง 2562 

ปี 2562 : พบผู้ป่วย HIV รายใหม่มากกว่า 77,000 ราย และผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในผู้สูงอายุ เกือบ 26.5 ล้านราย

อ้างอิงจากการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชื่อดังระดับโลก The Lancet Healthy Longevity ฉบับเดือนมกราคม ปี 2567 ของ The Lancet ที่ได้รวบรวมข้อมูลจาก 204 ประเทศ โดยใช้ข้อมูลการศึกษาอุบัติการณ์จากภาระโรค การบาดเจ็บ และปัจจัยเสี่ยงทั่วโลก (GBD) ปี 2562 พบว่า อัตราอุบัติการณ์ของการติดเชื้อ HIV ตามมาตรฐานอายุทั่วโลกลดลงประมาณ 2% ต่อปีในช่วงระยะเวลาที่ทำการศึกษา ในขณะที่อัตราการอุบัติการณ์ตามมาตรฐานอายุของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ยังคงทรงตัว 

แม้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะพบอัตราการติดเชื้อลดลง แต่จำนวนผู้ป่วยรายใหม่บ่งชี้ว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในผู้สูงอายุยังคงเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขในระดับโลก มีผู้ป่วย HIV รายใหม่มากกว่า 77,000 ราย และผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในผู้สูงอายุเกือบ 26.5 ล้านรายในปี 2562 แต่ก็ยังคงพบอัตราการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เพิ่มมากขึ้นในบางภูมิภาค โดยในยุโรปตะวันออก เอเชียกลาง และเอเชียแปซิฟิกที่มีรายได้สูง พบมีอัตราอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นมากที่สุด ซึ่งเป็นแนวโน้มที่น่ากังวล

ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากกว่าคนที่อายุน้อยกว่า

ผู้สูงอายุที่ยังมีเพศสัมพันธ์อยู่มักจะไวต่อเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ มากกว่าผู้ที่มีอายุน้อยกว่า เนื่องจากด้านภาวะสุขภาพต่างๆ โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง รวมถึงปัจจัยทางชีววิทยา จิตวิทยา วัฒนธรรม และสังคมที่หลากหลาย มีส่วนทำให้มีความอ่อนไหวสูงขึ้น

สืบเนื่องจากผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น อัตราการหย่าร้างกันก็มากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ในผู้สูงอายุมีคู่รักใหม่บ่อยขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในกลุ่มผู้ที่อายุน้อยกว่าจะมีวิธีการป้องกัน เช่น การใส่ถุงยางอนามัย จึงมีโอกาสเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์น้อยกว่า แต่ในประชากรสูงอายุมักไม่ค่อยถูกรวมอยู่ในโปรแกรมป้องกันเท่ากับกลุ่มช่วงอายุอื่นๆ

การแพทย์ยังขาดความตระหนักเรื่องสุขภาพทางเพศของผู้สูงอายุ 

รองศาสตราจารย์ Evandro Fei Fang เผยอีกว่า โดยทั่วไปการป้องกัน HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในประชากรอายุน้อยกว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่บุคลากรทางการแพทย์มักไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องเพศและสุขภาพทางเพศของผู้สูงอายุเสมอไป ซึ่งอาจนำไปสู่การสื่อสารเรื่องสุขภาพทางเพศ และความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แก่ผู้สูงอายุที่ไม่เพียงพอ ในทางกลับกัน ความก้าวหน้าในการรักษาเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้อุบัติการณ์สูงขึ้นในบางส่วนของโลก เนื่องจากผู้ที่มีอาการเหล่านี้จะมีชีวิตยืนยาวกว่าเดิม 

ผู้สูงอายุบางรายติดโรคทางเพศสัมพันธ์ระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ 

นักวิจัยฯ อธิบายว่า การใช้ยารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศอย่างแพร่หลาย และอุตสาหกรรมทางเพศที่เข้าถึงได้ในบางภูมิภาคและในบางประเทศ มีส่วนสนับสนุนการแพร่กระจายของเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในผู้สูงอายุ

ในนอร์เวย์ พบการติดเชื้อเอชไอวีในผู้สูงอายุได้น้อยมาก ทว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อุบัติการณ์ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ในกลุ่มอายุนี้กลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากราวๆ 1,600 รายในปี 2533 เป็น 1,700 รายในปี 2562 ซึ่งนับเป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับผู้สูงอายุทั่วไป และหน่วยงานด้านสาธารณสุขของนอร์เวย์ 

การสร้างความตระหนักรู้และหาแนวทางการป้องกันในผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญ

มาตรการที่สำคัญที่สุด คือมาตรการที่เน้นการให้ความรู้และการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหานี้ แก่บุคลากรด้านสุขภาพและผู้สูงอายุ รวมถึงเห็นความสำคัญของการรณรงค์เรื่องการตีตราผู้ป่วยและความเข้าใจผิดในสังคม โดยผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสามารถร่วมมือกับศูนย์อาวุโสและองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ต่อไป รองศาสตราจารย์ Evandro Fei Fang แนะนำ  

ในภูมิภาคที่มีอัตราการอุบัติการณ์ตามมาตรฐานอายุที่สูงกว่าที่คาดไว้ จำเป็นต้องเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการร่วมมือกันอย่างยั่งยืนในประเทศที่มีรายได้น้อยและมีรายได้ปานกลาง เริ่มจากแคมเปญทดสอบ HIV และ STI ศึกษาโปรแกรมสร้างการตระหนักรู้อย่างทั่วถึง และมีบริการที่ปรับให้เหมาะกับผู้สูงอายุที่เผชิญกับความท้าทายในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ ซึ่งต้องได้รับการจัดลำดับความสำคัญให้ดี และจำเป็นต้องมีระบบการดูแลสุขภาพต่างๆ เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่ติดเชื้อ HIV 

ต้องมีการศึกษาและกำหนดเป้าหมาย เพื่อลดการเสียชีวิตจาก HIV ในประชากรกลุ่มสูงวัย

จากการศึกษาก่อนหน้านี้ รายงานว่า ผู้สูงอายุมีโอกาสน้อยที่จะได้รับการวินิจฉัยว่าติดโรคทางเพศสัมพันธ์ตั้งแต่เนิ่นๆ และมักไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ส่งผลให้ผู้สูงอายุที่ติดเชื้อ HIV มีแนวโน้มเป็นโรคหลายอย่างและแก่เร็วมากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต จึงต้องมีการกำหนดเป้าหมายตามหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อลดการเสียชีวิตจากเอชไอวี ในประชากรกลุ่มสูงวัย

รวมถึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประเมินภาระและแนวโน้มของการเสียชีวิตจากเอชไอวีในระดับโลก ภูมิภาค และระดับชาติ ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของผู้สูงอายุและสุขภาพทางเพศของประชากรสูงวัยจะต้องได้รับการตรวจสอบและจัดลำดับความสำคัญให้ดียิ่งขึ้น

 

ขอบคุณที่มา : The Lancet Healthy Longevity , University Of Oslo