“กะทิ” เกิดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้สนับสนุนเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. เพื่อดำเนินโครงการวิจัยแนวทางเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคม
และการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อนำเอาประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกลุ่มผู้สูงอายุ จนเกิด prototype สายรัดข้อมืออัจฉริยะ “กะทิ” ที่เป็นหนึ่งใน Box set ของอุปกรณ์ IoT สำหรับติดตามข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุ ขึ้นมา
“กะทิ” เป็นอุปกรณ์ IoT Health Monitoring ต้นแบบของโครงการวิจัยแนวทางเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคม และการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่สามารถติดตามข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุ มาในรูปแบบสายรัดข้อมืออัจฉริยะ ที่ทำงานเป็นระบบแบบเรียลไทม์ โดยมีฟีเจอร์ที่มาช่วยในการบริหารจัดการสุขภาพของผู้สูงอายุ
ฟีเจอร์ของ “กะทิ”
โดย “กะทิ” มีระบบการยืนยันตัวตนด้วยคิวอาร์โค้ด โดยในอนาคตสามารถต่อยอดในเรื่องของ Calling feature และ SOS feature จะส่งพร้อมตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันหากเกิดอุบัติเหตุกับผู้สวมใส่ ซึ่งจะสามารถเชื่อมการทำงานกับเจ้าหน้าที่ที่หน่วยฉุกเฉินทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว
“กะทิ” สามารถบันทึกข้อมูลผ่านซิมโทรศัพท์มือถือในเครือข่ายใดก็ได้ อีกทั้งยังสามารถบันทึกลงกล่อง Access Point เพียงแค่เสียบปลั๊กก็สามารถส่งข้อมูลได้เลย โดยไม่ต้องมีการลง Application ทางโทรศัพท์มือถือ และลงทะเบียนผ่านทางอีเมล์ เพื่อลดความยุ่งยากในขั้นตอนต่าง ๆ สำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุ
สำหรับ “กะทิ” เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ BOX SET สำหรับวัดค่าสุขภาพ ครบจบใน 1 กล่อง ซึ่ง BOX SET จะมีอุปกรณ์ Medical IoT ต่างๆสามารถวัดค่าสุขภาพต่าง ๆ ที่เป็นแบบ Home Medical Grade ได้แก่ เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือด และเครื่องวัดความเค็ม ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผู้สูงอายุสามารถวัดค่าและส่งข้อมูลด้วยตัวเอง ผ่านกล่องเกตเวย์เชื่อมต่อเครื่องมือแพทย์ในการส่งข้อมูลเข้าระบบ
อุปกรณ์ทั้งหมดนี้เป็นการพัฒนาขึ้นจากสถานการณ์จำลองของบริการดิจิทัลบนพื้นฐานเทคโนโลยี Internet of Things หรือ 5G ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานไม่น้อยกว่า 5 หน่วยงาน อาทิ กทปส., กรมกิจการผู้สูงอายุ, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.), หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม(บพค.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช) ฯลฯ
ผู้สูงอายุได้มีการทดลองใช้ระบบนำร่องดังกล่าวถึง 2,000 ราย และบรรจุเป็นแผนปฏิบัติราชการของจังหวัดพื้นที่เป้าหมายทั้ง 4 จังหวัดได้ ได้แก่ จังหวัดลำปาง จังหวัดขอนแก่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสงขลา โดยผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจในโครงการไม่น้อยกว่า 80% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากโครงการวิจัยแนวทางเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคม และการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ
ปัจจุบัน โครงการที่ กทปส. สนับสนุน สามารถสร้าง Prototype เพื่อนำร่องไปใช้ประโยชน์ได้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กทปส., กรมกิจการผู้สูงอายุ, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.), หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม(บพค.), สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช)
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) และเทศบาล โดยหน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันหารือเรื่องของการวางแผนการดำเนินงานร่วมกันแบบบูรณาการ เพื่อส่งเสริมให้เกิดสวัสดิการผู้สูงอายุ ยุค 5G Digital Health Innovation ให้เกิดขึ้นเพื่อเตรียมก้าวสู่ Thailand Personal Health AI
“ความร่วมมือในครั้งนี้นับว่าเป็นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการบูรณาการความร่วมมือของ กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานภาครัฐระดับจังหวัด รวมถึงผู้บริหารส่วนท้องถิ่นที่ได้เข้ามาช่วยกันสนับสนุนผลักดันให้เกิดสวัสดิการผู้สูงอายุยุค 5G ผ่านการทำ Digital Health Innovation เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสม่ำเสมอในการดูแลสุขภาพ
และสามารถใช้ชีวิตสังคมในระยะยาวได้อย่างมีความสุข ตลอดจนทางภาครัฐยังได้มีข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุทั้งประเทศไทย เพื่อเตรียมตัวก้าวสู่การทำ Thailand Personal Health AI กับกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) รวมทั้งหน่วยงานภาคีเครือข่าย ในลำดับต่อไป โดยมีความมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุของไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง มีชีวิตยืนยาว”