สธ. เร่งขยายบริการ "ฟันเทียม- รากฟันเทียม" ตั้งเป้า 8 หมื่นคนทั่วประเทศ

30 พ.ย. 2566 | 13:50 น.

สาธารณสุข เร่งขยายดำเนินงานโครงการฟันเทียม รากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ตั้งเป้าปีหน้าประชาชนได้รับบริการใส่ฟันเทียม-รากฟันเทียมทั่วประเทศราว 80,000 คน

ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการ โครงการฟันเทียม รากฟันเทียม เฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ 1/2566 โดยนายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2567

ประเด็นที่ 1 โครงการเฉลิมพระเกียรติ/โครงการพระราชดำริอย่างต่อเนื่องซึ่งในปี 2566 กรมอนามัยร่วมกับกรมการแพทย์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และมูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ดำเนินโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการฟันเทียมและรากฟันเทียมแก้ปัญหาการสูญเสียฟันทั้งปากหรือเกือบทั้งปากในกลุ่มผู้สูงอายุและก่อนวัยสูงอายุ

ผลการดำเนินโครงการในปีที่ผ่านมาพบว่า ผู้ได้รับการใส่ฟันเทียม จำนวน 53,897 คนและผู้ได้รับบริการฝังรากฟันเทียม จำนวน 1,668 คน และขณะนี้มีหน่วยบริการที่ให้บริการฝังรากฟันเทียมทั้งหมด 298 แห่ง มีการจัดบริการแล้ว 159 แห่ง

ตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุโครงการในประจำปี 2567 ผู้ได้รับบริการใส่ฟันเทียม จำนวน 72,000 คนและผู้ได้รับบริการฝังรากฟันเทียม จำนวน 7,200 คน

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ได้มีการพัฒนาศักยภาพทันตแพทย์ และผู้ช่วยทันตแพทย์ในหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ส่วนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติร่วมกับองค์การเภสัชกรรมได้จัดซื้อรากฟันเทียมและจัดส่งจังหวัดเพื่อบริหารจัดการกระจายรากฟันเทียมในจังหวัดเพื่อใช้ในการจัดบริการ

สำหรับรากฟันเทียมที่ใช้ในโครงการนี้เป็นรากฟันเทียมที่ผลิตในประเทศไทย รุ่น PRK ซึ่งอยู่ในบัญชีนวัตกรรมไทยสำหรับการประชาสัมพันธ์ โครงการฯ กรมอนามัยและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่สื่อต่าง ๆผ่านช่องทางต่าง ๆ ของหน่วยงานพร้อมจัดรณรงค์โครงการฯ 4 ภาค เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน

แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในปี 2567 กรมอนามัยได้ดำเนินการพัฒนากลไกการให้บริการ ดังนี้

1.ประสานให้ทุกจังหวัดคัดกรอง ผู้ที่ไม่มีฟันในปาก และฟันเทียมทั้งปากเดิมหลวม

2.เตรียมความพร้อมหน่วยบริการ พัฒนาศักยภาพทันตแพทย์และผู้ช่วยทันตแพทย์ในการจัดบริการ

3.ผลักดันการจัดบริการรากฟันเทียมรองรับฟันเทียมให้เป็นสิทธิประโยชน์ในกลุ่มผู้ใช้สิทธิข้าราชการและประกันสังคมในอนาคต

4.สื่อสารประชาสัมพันธ์โครงการ รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ และจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการรากฟันเทียมรองรับฟันเทียมใน 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร กรมอนามัยได้นำเสนอเพื่อพิจารณา ดังนี้

1) สนับสนุนการจัดบริการให้เกิดขึ้นในหน่วยบริการระดับ M2 (ขนาด 120 เตียงขึ้นไป) ขึ้นไปในทุกจังหวัด รวมทั้งติดตามกำกับ ผ่านการติดตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข กลไกตรวจราชการ และคณะกรรมการการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาสุขภาพช่องปากเพื่อให้การบริการบรรลุตามเป้าหมาย

2) เพิ่มการประชาสัมพันธ์ สื่อสาร ค้นหา คัดกรองกลุ่มเป้าหมายในชุมชน ผ่านเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุข ร่วมกับการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ที่สามารถสร้างความเข้าใจแก่ผู้สูงอายุ และขอความร่วมมือกรุงเทพมหานคร เขตสุขภาพที่ 13 และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 จัดระบบเพื่อสนับสนุนหน่วยบริการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่กรุงเทพมหานครดำเนินการค้นหา คัดกรอง เตรียมช่องปาก และส่งต่อกลุ่มเป้าหมายเพื่อรับบริการฝังรากฟันเทียม