"ชลน่าน" เตรียมนัดถกคืน "กัญชา" บางส่วนเป็นยาเสพติด

26 ก.ย. 2566 | 15:45 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ย. 2566 | 18:23 น.

"ชลน่าน" นัดถกผู้เกี่ยวข้องกรณีเตรียมออกประกาศคืนบางส่วนของ "กัญชา" เป็นยาเสพติด เน้นย้ำไม่ใช่แผน Quick Win กระทรวงสาธารณสุข ชี้ต้องรอบคอบ หวั่นเดินหน้าเร็วเกิดผลเสียมากกว่าผลดี  

26 กันยายน 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงแนวทางการควบคุมการใช้กัญชาหลังมีบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มหนึ่งอยากให้ รมว.สาธารณสุข ประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วน (Quick Win) ในการประกาศควบคุมการใช้กัญชา ขณะที่ภาคประชาชนบางกลุ่มไม่เห็นด้วยกรณีห้ามปลูกบ้านละ 15 ต้น รวมถึงให้กลับไปเป็นยาเสพติดนั้น

นพ.ชลน่าน ระบุว่า สำหรับนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงสาธารณสุขนั้น ประกาศออกมาเป็นภาพรวมเรื่องเศรษฐกิจสุขภาพ หมายความว่า จะนำสุขภาพไปสร้างเศรษฐกิจในมิติสุขภาพที่มีหลายองค์ประกอบ อาทิ ศูนย์กลางการแพทย์ (เมดิคัลฮับ) ซึ่งสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่เรื่องวิชาการ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในส่วนของกัญชาอาจจะอยู่ในมุมนี้ การให้บริการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพ มิติเหล่านี้อยู่ในการประกาศนโยบายเร่งด่วน ไม่ได้เน้นไปที่กัญชา 

ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับความชัดเจนเรื่องของกัญชาเนื่องจากรอกฎหมายมาควบคุมมานานมากนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังจากกระทรวงสาธารณสุขรับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีแล้ว ได้เร่งรัดโดยตั้งคณะทำงานมาพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุขซึ่งนโยบายได้เน้นยำว่า กัญชาทางการแพทย์ เพื่อสุขภาพซึ่งเป็นมุมโดยตรงของกระทรวงจึงต้องไปดูกฎหมายที่จำเป็น ออกมาใช้บังคับ จะพยายามจัดทำกฎหมายและเสนอโดยเร็วที่สุด ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นรัฐบาลร่วมกันก็ต้องปรึกษาหารือร่วมกัน

  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

สำหรับความชัดเจนกรณีการอนุญาตปลูก 15 ต้นนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เมื่อมีในกฎหมายเดิมก็ต้องไปพิจารณาว่า การปลูกเพื่อนำสู่การผลิตเพื่อการแพทย์และสุขภาพนั้น ปลูกอย่างไรที่จะได้คุณภาพมาตรฐาน หากปลูกแล้วไม่สามารถนำไปใช้ในเรื่องการเข้าสู่อุตสาหกรรมทางการแพทย์เพื่อสุขภาพก็จะทำให้พี่น้องขาดโอกาส ดังนั้น แล้วแต่กฎหมายที่จะเขียนมาเพราะในมุมการผลิตนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงสาธารณสุข 

ต่อข้อซักถามที่ว่า จากนี้เรื่องสันทนาการจะไม่สามารถทำได้แล้วหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตามนโยบายต้องการเน้นเพื่อการแพทย์ เพื่อสุขภาพ เพราะถ้านอกจากนี้ก็ไม่ใช่มุมของเพื่อการแพทย์และสุขภาพ ดังนั้น จึงต้องมีกฎหมายออกมาว่า จะควบคุมดูแลกันอย่างไร การใช้จะใช้อย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบต่อสุขภาพซึ่งถ้าจะมีกฎหมายมารองรับ เช่น พ.ร.บ.กัญชง กัญชา ที่เคยพิจารณากันมาแล้วก็ต้องไปดูในรายละเอียดว่า จะมีบทบัญญัติใดมาควบคุมดูแลที่นอกเหนือไปจากการแพทย์ และสุขภาพได้อย่างไร 

หลังจากนี้ผู้ประกอบการที่เปิดเพื่อเสพแบบสันทนาการยังเปิดต่อไปได้หรือไม่นั้น ต้องคิดใน 2 มิติ กระทรวงสาธารณสุข เป็นกระทรวงที่ต้องสร้างสุขภาพ ถ้ากิจการ หรือกิจกรรมที่ทำนั้นไม่กระทบต่อสุขภาพ ไม่มีผลต่อสุขภาวะโดยรวม เรื่องมิติเชิงสังคมก็อาจจะมีกฎหมายเข้าไปกำกับดูแล ควบคุม

ส่วนจะปูพรมตรวจร้านที่เปิดสันทนาการหรือไม่นั้น อยู่ที่ตัวกฎหมายให้อำนาจไว้ ตอนนี้ต้องพยายามทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทุกฝ่ายได้ประโยชน์บนพื้นฐานที่ไม่ทำลายสุขภาพ ไม่ทำลายพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็ก เยาวชนในสังคมไทย

อย่างไรก็ดี ขอย้ำว่า การนำสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือเกินกว่ากำหนด ในระยะเวลาที่มากกว่ากำหนดไว้ ก็จะเป็นผลร้ายต่อสุขภาพ เช่น บุหรี่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่จะคืนบางส่วนของกัญชาให้กลับเป็นยาเสพติดเป็นเรื่องที่สามารถพิจารณาควบคู่ไปได้ เพราะพ.ร.บ.ต้องยกร่างเข้าสภา ส่วนประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ใช้ขณะนี้ คือ ประมวลกฎหมายยาเสพติด ให้อำนาจไว้ และอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ส. และกรรมการควบคุมป้องกันยาเสพติด และกระทรวงสาธารณสุข

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

หากเห็นพ้องต้องกันที่จะประกาศว่า อะไรที่จะเป็นยาเสพติด สำหรับตัวที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งไม่ใช่แค่กัญชาตัวเดียว แต่ถ้ายกตัวอย่าง กัญชา คือ พืชที่มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอยู่ในตัว หากจะประกาศให้เป็นยาเสพติดก็ต้องไปทำข้อตกลงแล้วจึงประกาศบังคับใช้ ซึ่งจะทำได้เร็วกว่าการตราพ.ร.บ. และขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่า จะคืนส่วนใดบ้าง กำลังปรึกษาหารือกับกระทรวงยุติธรรม โดยจะนัดหมายหน่วยงายที่เกี่ยวข้องว่า เราจะมองเห็นร่วมกันอย่างไร ไม่ให้กระทบ หรือทำลาย กดทับในส่วนที่ทำให้คนสูญเสียโอกาส ส่วนตนยึดหลักเรื่องการแพทย์ และสุขภาพเป็นหลัก  

ทั้งนี้ การปรับปรุงประกาศกระทรวงและผลักดันร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ไม่ได้อยู่ใน 13 นโยบายควิกวินที่ประกาศแล้วในตอนแรก เรื่องจากกฎหมายต้องใช้เวลา ต้องเร่งทำให้เกิดผลสำเร็จภายในเวลาที่ต้องการ ผลลัพธ์ที่ได้ต้องพิสูจน์ได้ จับต้องได้ เรื่องกัญชามีสิ่งที่จะต้องร่วมกันพิจารณาอย่างมากทั้งตัวประกาศและข้อกฎหมายต่าง ๆ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น หากประกาศบนพื้นฐานของความไม่รอบคอบก็จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี