3 โรคติดเชื้อทางเดินหายใจระบาดหน้าฝน "สาธารณสุข" แนะวิธีป้องกัน

25 ก.ย. 2566 | 17:10 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2566 | 17:11 น.

สาธารณสุข เฝ้าระวัง 3 โรคติดเชื้อทางเดินหายใจระบาดช่วงหน้าฝน หลังพบมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อน แนะประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการ ล้างมือสม่ำเสมอ ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงได้ 

นับตั้งแต่ประเทศไทยประกาศให้โรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2565 ประชาชนเลือกสวมหน้ากากอนามัยได้ตามความสมัครใจ ประกอบกับช่วงนี้ประเทศไทยยังมีฝนตกต่อเนื่อง พบว่าแนวโน้มของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจโดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า การสวมหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้อย่างดี 

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์โรคโควิด 19 ขณะนี้จะพบผู้ป่วยลดลงต่อเนื่องแต่สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 16 ก.ย. 66 มีผู้ป่วย 185,216 ราย อัตราป่วยจากโรคไข้หวัดใหญ่ 279.9 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย มีผู้ป่วยเพิ่มมากกว่า 12,000 ราย ซึ่งสูงกว่าจำนวนผู้ป่วยในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 และค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังซึ่งได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมทีมสอบสวนควบคุมโรคเพื่อรองรับการระบาดแล้ว ตามนโยบายของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ​​​​​​​

ขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจซึ่งโรคหลัก ๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวัง คือ

โรคโควิด 19

  • อาการมักมีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย อาจมีหายใจลำบาก

โรคไข้หวัดใหญ่

  • ส่วนใหญ่จะมีไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ ไอแห้ง น้ำมูกใส เบื่ออาหาร

โรค RSV

  • มีไข้ ไอจาม มักพบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี

อย่างไรก็ดี การติดต่อของทั้ง 3 โรคเหมือนกัน คือ การไอ จาม สัมผัสละอองฝอยน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ หรือการใช้สิ่งของร่วมกัน

คำแนะนำ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อมีอาการป่วยของโรคทางเดินหายใจ หรือเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด ต้องสวมหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูกให้มิดชิดเมื่อไอหรือจาม

หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก รวมถึงล้างมือบ่อยๆ เพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรคติดต่อทางเดินหายใจเหล่านี้

นอกจากนี้ขอความร่วมมือผู้ปกครองดูแลสังเกตอาการบุตรหลานที่เป็นเด็กนักเรียน หากเด็กป่วยมีอาการทางเดินหายใจแนะนำให้หยุดพักอยู่บ้านเพื่อดูแลรักษา ติดตามอาการ และไม่ไปแพร่เชื้อต่อที่โรงเรียนหรือศูนย์เด็กเล็ก

ส่วนโรงเรียน ขอให้จัดระบบการคัดกรองอาการทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก เพื่อแยกเด็กไม่ปะปนกับเด็กอื่น ๆ และพิจารณาปิดห้องเรียนเมื่อพบเด็กป่วยหลาย ๆ รายติดต่อกัน