‘ดิ แอสเพน ทรี’ ผนึก Baycrest ปั้นโมเดลบ้านคนสูงวัย แบบ Aging Successfully

06 ก.ค. 2566 | 16:21 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2566 | 16:28 น.

ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับภาวะประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งประเทศไทยที่ติดหนึ่งในประเทศที่มีจํานวนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในโลก

โดยมีสัดส่วนประชากรสูงวัยกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งสหประชาชาติ คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีพลเมืองอาวุโสเพิ่มขึ้นจากในปัจจุบันประมาณสอง เท่าตัวภายในปี พ.ศ. 2593 นั่นหมายความว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดของไทยจะเป็นคนสูงวัย สวนทางกับประชากรวัยทํางานที่ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

หนึ่งในความต้องการของผู้สูงวัยคือ ที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและมีบริการอำนวยความสะดวกเหมาะสมกับสุขภาพของคนวัยนี้ รวมทั้งเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้สะดวกเมื่อต้องการ ส่งผลให้ตลาดที่พักอาศัยสําหรับคนสูงวัยกลายเป็นเซ็กเมนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผู้เล่นหน้าใหม่กระโดดเข้าในตลาดนี้จำนวนมาก

หนึ่งในนั้นคือ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเปอร์ แถวหน้าของเมืองไทยซึ่งประกาศปั้น “เดอะ ฟอเรสเทียส์” โครงการเมืองระดับเวิลด์คลาสที่ออกแบบเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นและความสุขมากขึ้น บนพื้นที่ 398 พร้อมผืนป่าขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่

ภายในพื้นที่ไลฟ์สไตล์ทั้งช้อปปิ้ง กินดื่ม และกิจกรรมหลากหลาย มีโรงแรม และมีส่วนที่พักอาศัย ทั้งคอนโด High Rise, คอนโด Low Rise และบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury และก็มีโครงการที่พักอาศัย “ดิ แอสเพน ทรี” เป็นโครงการนำร่องของ MQDC ที่มาตอบโจทย์สังคมสูงวัย

‘ดิ แอสเพน ทรี’ ผนึก Baycrest ปั้นโมเดลบ้านคนสูงวัย แบบ Aging Successfully

นางสาว เฮ จูน พาร์ค ประธานผู้อํานวยการโครงการ ดิ แอสเพน ทรี ที่เดอะ ฟอเรสเทียส์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบัน perception ของคนไทยเริ่มเปลี่ยนจากในอดีตที่เมื่อพูดถึงบ้านสำหรับคนสูงวัย จะมีภาพ “บ้านพักคนชรา” รู้สึกเศร้าและหดหู่ แต่ปัจจุบันเริ่มมี Retirement Home ดีๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก

ด้วยแรงขับเคลื่อนจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป คนแต่งงานช้าลงและมีลูกน้อยลงที่ “ดิ แอสเพน ทรี” ได้ถูกออกแบบให้เป็นอาคารที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียมและสกายวิลล่าระดับเฟิร์สคลาส ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ในเรื่องที่อยู่อาศัยสําหรับกลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่มีความพร้อมทางการเงิน ที่กําลังขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ก่อนที่เราจะสร้าง “ดิ แอสเพน ทรี” เรามีการวิจัยและสำรวจอย่างเข้มข้นเพื่อตอบโจทย์ Pain Point ของคนกลุ่มนี้ ซึ่งหนึ่งในความกังวลของผู้สูงวัยในอนาคตคือ เรื่องบ้านที่ไม่ต้องใหญ่แต่ต้องเหมาะสมกับสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ ความกังวลต่อมาคือการดูแลและความเจ็บป่วย ค่ารักษาพยาบาล และการใช้ชีวิตความต้องการสังคมความกลัวไม่มีเพื่อน

‘ดิ แอสเพน ทรี’ ผนึก Baycrest ปั้นโมเดลบ้านคนสูงวัย แบบ Aging Successfully

ช่วงแรกๆ เป็นช่วงที่ท้าทายเพราะเราจะต้องเปลี่ยน perception ของคนไทยและสร้างดีมานด์ขึ้นมา ซึ่งที่ผ่านมาเราทำได้ดีระดับหนึ่ง คนเริ่มเข้าใจมากขึ้นเมื่อพูดถึง “ดิ แอสเพน ทรี” และเริ่มมีคนเข้ามาเยี่ยมชมมากขึ้น โดยเฉพาะคนกลุ่มอายุ 30 ปลายๆ จุดที่ทำให้เราแตกต่างจาก Retirement Home ที่อื่น คือ

1. เราดูแลตลอดชีวิต ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา เรามีกิจกรรมที่เน้นเชิงป้องกัน ไม่ต่ำกว่า 5-10 กิจกรรมต่อวัน

2. ดิ แอสเพน ทรี ตั้งอยู่ใน Multi Generation community ด้วยความตั้งใจที่ต้องการให้ผู้สูงวัยมีสังคม และเป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันกับคนหลากหลายวัย หลากหลายไลฟ์สไตล์ เพื่อเป็น Happy Living Place สำหรับผู้สูงวัย”

ทั้งนี้ “ดิ แอสเพน ทรี” เป็นโครงการที่พักอาศัยพร้อมบริการดูแลตลอดชีวิต จํานวน 290 ยูนิต ขนาด 83 - 253 ตรม. บนพื้นที่ 23 ไร่ ในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ภายใต้แนวคิดการดูแลตลอดชีวิต (Life-time Care) ลูกบ้านของดิ แอสเพน ทรี จะจ่ายเงินซื้อบ้านครั้งเดียว นอกจากได้ที่พักอาศัยแล้วยังจะได้รับประกันสุขภาพ

ครอบคลุมความการรักษาพยาบาลไปจนถึงอายุ 99 ปี ได้รับการดูแลการใช้ชีวิตแบบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน บริการแม่บ้านทุกสัปดาห์ อาหารเช้า และอาหารสําหรับผู้ที่ต้องการการดูแลด้านโภชนาการเป็นพิเศษ คลับเฮาส์ที่มีโปรแกรมฟิตเนส พิเศษ ในการบริหารร่างกายและจิตใจอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงกิจกรรมทางสังคม อย่างกลุ่มเรียนศิลปะ และงานฝีมือ เป็นต้น

‘ดิ แอสเพน ทรี’ ผนึก Baycrest ปั้นโมเดลบ้านคนสูงวัย แบบ Aging Successfully

“ตอนที่เราเริ่มโครงการนี้ เราคิดว่าจะต้องมีคนตั้งคำถามว่า บริษัทที่ทำอสังหาริมทรัพย์ขาย จะสามารถดูแลคนได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีทั้ง Knowledge และ Know How จึงเป็นสาเหตุที่เราจะต้องมี Partner ที่ใช่ และเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ซึ่งเราเลือกร่วมมือกับ Baycrest ที่มีทั้งวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับเรา มีการทำงานและความเชี่ยวชาญที่เราต้องการ เพราะเราต้องการ the best in the world เพื่อให้คนมั่นใจว่าเราจะดูแลเขาอย่างดีได้อย่างไร”

ด้าน Dr. William E. Reichman, President and Chief Executive Officer of Baycrest กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สังคมสูงวัยเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่ทั่วโลก Baycrest ต้องการสร้าง Aging Successfully ให้ผู้สูงวัยตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ Enjoy ชีวิตได้ และ

ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่อยู่แบบเตรียมรักษาอาการป่วยและรอวันจากไป ดังนั้นนอกจากสภาพแวดล้อมที่ดีและปลอดภัย ยังต้องมีกิจกรรมส่งเสริมความสุข และมีสังคมให้ผู้สูงวัยได้พบเจอกับคนหลายหลายวัยด้วย

ทั้งนี้ Baycrest ให้ความสำคัญกับเรื่อง Healthcare โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชิงป้องกัน ผ่านกิจกรรมสำหรับผู้สูงวัยที่จะต้องตอบโจทย์ทั้ง 4 ด้านไม่ว่าทางกาย ทางใจ ทางอารมณ์ โดยเฉพาะเรื่องสมองที่เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในโลกนี้มีเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถผสานทุกอย่างเข้าด้วยกันได้เหมือนกับที่ Baycrest ทำ เพราะมีความเชี่ยวชาญด้านบริการสำหรับผู้สูงวัย ทั้งในส่วนที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล ศูนย์วิจัยและเทคโนโลยีมากว่า 100 ปี

‘ดิ แอสเพน ทรี’ ผนึก Baycrest ปั้นโมเดลบ้านคนสูงวัย แบบ Aging Successfully

“การดูแลตลอดชีวิต ไม่ใช่ดูแลแค่ตอนป่วย แต่เราดูแลในเชิงป้องกันเพื่อสร้างความมั่นใจว่าในตอนที่ลูกบ้านยังไม่ป่วยเราสามารถทำให้เขามีชีวิตที่มีความสุขและมีชีวิตยืนยาวขึ้นได้ ซึ่งส่วนนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราต้องสร้างการรับรู้และเปลี่ยน Perception ของคนว่า Retirement Home ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานที่หดหู่ แต่เป็นสถานที่ที่มีความสุข และเราต้องสร้างความมั่นใจว่า เป็น Happy Living Place สังคมใหม่ มีเพื่อน มีความสุข และใช้ชีวิตแบบที่ต้องการได้”

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในเป้าหมายของ Baycrest ไม่ใช่การสร้าง Retirement Home เพื่อรองรับกลุ่มคนที่เป็น Local Community หรือคนที่อยู่ในประเทศแคนาดาเท่านั้น แต่ Baycrest ต้องการเป็นโมเดลตัวอย่างให้กับทั้งโลกสามารถเดินเข้า Senior Residence ได้อย่างมีความสุข และต้องการให้มี Senior Residence ที่มีความสุขแบบนี้ให้เกิดขึ้นให้มากๆ Baycrest จึงตัดสินใจร่วมงานกับ “ดิ แอสเพนทรี” ซึ่งในอนาคตอันใกล้ จะเปลี่ยนชื่อโครงการอย่างเป็นทางการ เป็น “The Aspen Tree The Forestias operated by Baycrest”

ทั้งนี้ Baycrest จะนำประสบการณ์กว่า 100 ปีมาออกแบบการดูแลลูกบ้าน “ดิ แอสเพน ทรี” ทุกกิจกรรมจะถูก approve โดย Baycrest ว่ากิจกรรมนั้นดีต่อลูกบ้าน มีผลดีกับสมอง กายภาพ อารมณ์ จิตใจของลูกบ้าน โดยปรับกิจกรรมต่างๆ ให้ตรงกับบริบทของคนไทยหรือสังคมไทย ที่สำคัญดีไซน์กิจกรรมที่แตกต่างสำหรับแต่ละคน ตามความชอบ ไลฟ์สไตล์ และเงื่อนไขด้านสุขภาพ

นอกจากนี้ Baycrest ยังจะนำประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับด้าน Healthcare ทั้งด้านงานวิจัย โรงพยาบาลที่แทบจะใหญ่ที่สุดใน North America มา provide “Care Angel” ที่ได้รับการเทรนอย่างดีและลึกซึ้ง ภายใต้หลักสูตรที่ Baycrest approve ซึ่งนอกจาก Technical Skill แล้ว คนที่จะมาดูแลผู้สูงอายุ จะได้รับการดูแลให้มีความสุขและสุขภาพจิตที่ดีด้วย เพื่อสามารถดูแลลูกบ้านได้อย่างมีความสุข

“วิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกันของ Baycrest และดิ แอสเพน ทรี คือต้องการดูแลสังคม ช่วยคนวัย 50 ปีขึ้นไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สุขภาพดีทั้งกายและใจ ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศของตัวเองเท่านั้น แต่อยากสร้าง model ให้ทั้งโลก เป็นต้นแบบให้คนได้เห็นตัวอย่าง Senior Residence ที่ประสบความสำเร็จ ในการสร้าง Happy Living Community”

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,902 วันที่ 6 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2566