WHO เตือนจับตาไวรัส XBB.1.16 หลังระบาดแล้วใน 29 ประเทศ

18 เม.ย. 2566 | 08:19 น.
อัปเดตล่าสุด :19 เม.ย. 2566 | 12:38 น.

WHO เผยไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.16 กำลังมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจนต้องจับตา พบแล้วใน 29 ประเทศทั่วโลก ขณะนี้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากในอินเดีย

 

องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยวันนี้ (18 เม.ย.) ว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.16 เป็นไวรัสที่ต้องจับตามอง หลังพบการแพร่ระบาดใน 29 ประเทศ โดยอัตราผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นอย่างมากใน อินเดีย

ผลการศึกษาพบว่า ไวรัสสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในเดือนมกราคม 2566 และอยู่ในการสังเกตการณ์ขององค์การอนามัยโลกตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. มีอัตราการขยายตัวที่มากกว่าสายพันธุ์ XBB.1.5 แต่มีความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันเท่ากับสายพันธุ์ XBB.1.5

WHO เปิดเผยว่า ยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์ XBB.1.16 และไม่มีการเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของไวรัสที่มีการตรวจพบในขณะนี้ แม้บางประเทศรายงานถึงอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น หลังมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น

ทางด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) เปิดเผยว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.16 กำลังเพิ่มการแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน โดยไวรัสสายพันธุ์ XBB.1.16 มีสัดส่วนการแพร่ระบาดมากกว่า 7% ของไวรัสโควิด-19 ทั้งหมดที่มีการตรวจพบจากผู้ป่วยในสหรัฐ โดยสูงกว่าระดับ 4% ที่มีการตรวจพบก่อนหน้านี้

ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า ในปัจจุบัน ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.5 ยังคงเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลักในสหรัฐ แม้สัดส่วนการแพร่ระบาดได้ลดลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สายพันธุ์ XBB.1.16 และสายพันธุ์ XBB.1.9.2 อาจขึ้นมาแทนที่สายพันธุ์ XBB.1.5 ได้ในอนาคต

อาการ “เยื่อบุตาอักเสบ” เป็นอาการที่ไม่พบบ่อยนักในโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ แต่พบได้จากสายพันธุ์ XBB.1.16

ทำความรู้จักโควิด XBB.1.16

  • โควิดสายพันธุ์ XBB.1.1.16 หรือที่เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “อาร์คทูรัส” (Arcturus) เป็นสายพันธุ์ย่อยของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน โดย WHO ระบุว่า กำลังสังเกตการณ์สายพันธุ์นี้ เพราะ “มีศักยภาพสูงทำให้จำเป็นต้องเฝ้าระวังให้ดี”
  • โควิด XBB.1.16 ตรวจพบครั้งแรกเมื่อเดือน ม.ค. 2566 ก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะขึ้นบัญชีเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวังเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา
  • โควิดสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ลูกผสม ระหว่างสายพันธุ์ BA.2.10.1 และ BA.2.75 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์หลักคือ โควิดโอมิครอน BA.2
  • ในการแถลงข่าวของ WHO เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ณ ขณะนั้นมีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ XBB.1.1.16 แล้วกว่า 800 คน ใน 22 ประเทศ ส่วนใหญ่พบในอินเดีย และกำลังเข้ามาแทนที่สายพันธุ์อื่นๆที่กำลังระบาดอยู่ในปัจจุบัน ก่อนที่จะเพิ่มเป็นกว่า 3,000 คนทั่วโลก จนถึงกลางเดือน เม.ย.นี้
  • โควิด XBB.1.16 มีคุณลักษณะคล้ายสายพันธุ์ XBB.1.5 แต่มีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมที่หนามโปรตีน ซึ่งผลการทดลองในห้องแลบพบว่า ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ทำและมีโอกาสทำให้เกิดอาการของโรคได้ง่ายขึ้น
  • ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งโตเกียวในญี่ปุ่นพบว่า โควิด XBB.1.16 สามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์ XBB.1 และ XBB.1.5 ราว 1.17-1.27 เท่า และยอมรับว่า โควิดสายพันธุ์นี้มีศักยภาพที่จะแพร่กระจายไปทั่วโลกได้ในอนาคตอันใกล้
  • ไม่เพียงเท่านั้น ผลการทดสอบยังพบว่า โควิดสายพันธุ์นี้ “มีฤทธิ์ต้านทาน” แอนติบอดีโควิด-19 ที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย
  • ดร.ตาเตียนา โปรเวลล์ ผศ. ด้านมะเร็งวิทยา คณะเวชศาสตร์ ม.จอห์น ฮอปกินส์ ทวิตข้อความว่า “ถ้าลูกหลานมีอาการตาแดง คัน ให้พึงระวังว่า อาจเป็นอาการของโควิด XBB.1.16 ถ้าเจอให้ไปตรวจอาการ เพราะนี่เป็นอาการที่ไม่พบบ่อยนักในโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ และอาจเข้าใจผิดได้ว่าเป็นอาการภูมิแพ้”

อัพเดตสถานการณ์โควิดทั่วโลก

ทั้งนี้ โควิดยังคงเป็นโรคระบาดที่มีการแพร่กระจายในหลายประเทศทั่วโลก โดย จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดโดยรวมทั่วโลกขณะนี้ (18 เม.ย.) ทะลุ 685,000,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้แล้วกว่า 6,840,000 ราย

Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลกมีจำนวน 685,695,401 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 6,842,676 ราย

สถิติล่าสุดพบว่า

  • สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (106,465,921) รองลงมาคืออินเดีย (44,827,226)
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 39 ล้านราย ได้แก่ ฝรั่งเศส
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 38 ล้านราย ได้แก่ เยอรมนี
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 37 ล้านราย ได้แก่ บราซิล
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 33 ล้านราย ได้แก่ ญี่ปุ่น
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 30 ล้านราย ได้แก่ เกาหลีใต้
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 25 ล้านราย ได้แก่ อิตาลี
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 24 ล้านราย ได้แก่ สหราชอาณาจักร
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 22 ล้านราย ได้แก่ รัสเซีย
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 17 ล้านราย ได้แก่ ตุรกี
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 13 ล้านราย ได้แก่ สเปน
  • ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 11 ล้านราย ได้แก่ เวียดนาม ออสเตรเลีย

 นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก (1,158,160) ตามมาด้วยบราซิล (700,811) อินเดีย (531,141)