วัคซีนต้านโควิดของประเทศจีนทั้งหมดที่ฉีดให้ประชากรในประเทศเป็นวัคซีนเชื้อตายเกือบทั้งหมด
ขณะที่ปัจจุบันสถาการณ์การแพร่ระบาดของจีนมีเพิ่มขึ้นจนต้องยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในที่สุด
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
จีนเป็นประเทศสุดท้าย ที่ใช้นโยบายมาตรการเข้มข้นที่เรียกว่าโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) ในการควบคุมการระบาดของโควิด-19
จนในเดือนธันวาคม 2565 จีนได้ยกเลิกมาตรการเข้มข้นดังกล่าวในทันที
ด้วยเหตุผลจากการประท้วงและความไม่พอใจของประชาชนชาวจีนส่วนหนึ่ง
หลังจากนั้นก็มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการนั้นไม่มีความชัดเจน
คาดว่าน่าจะมีการระบาดวันละนับ ล้านคน และเสียชีวิตวันละนับพันคน
ทำให้ประเทศจีนซึ่งไม่มีวัคซีน mRNA ใช้ โดยเกือบทั้งหมดจะฉีดวัคซีนเชื้อตายของบริษัทสัญชาติจีนเอง เช่น Sinovac (ซิโนแวค) และ Sinopharm (ซิโนฟาร์ม)
ซึ่งมีรายงานว่า การฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม จะป้องกันการเสียชีวิตได้ 77.4%
ในขณะที่ฉีดวัคซีน mRNA 2 เข็ม จะลดการเสียชีวิตได้มากถึง 92.3%
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีน 3 เข็ม ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย หรือ mRNA สามารถลดการเสียชีวิตได้ใกล้เคียงกันคือ 98%
จึงทำให้ทางการจีน ได้เร่งฉีดวัคซีนเชื้อตาย 3 เข็มให้กับประชาชนจีน
อย่างไรก็ตาม บริษัทสัญชาติจีนได้เร่งมือการพัฒนาวัคซีนเทคโนโลยี mRNA เป็นอย่างมาก
และล่าสุดบริษัท Cansino Biologics ได้รายงานผลการศึกษาทดลองการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทเอง (CS-2034) ในกลุ่มตัวอย่าง 433 ราย มีอายุมากกว่า 18 ปี
โดยทุกคนได้ฉีดวัคซีนเชื้อตายมาแล้ว 3 เข็ม แยกเป็นกลุ่มแรกฉีดกระตุ้นเข็มที่ 4 ด้วยวัคซีน mRNA ของบริษัท Cansino เปรียบเทียบกับการฉีดเข็มที่ 4 ด้วยวัคซีนเชื้อตาย
ผลปรากฏว่า ระดับภูมิคุ้มกัน (Neutralizing Antibodies) ในกลุ่มที่ฉีดด้วยวัคซีน mRNA สูงมากขึ้นถึง 23 เท่าต่อไวรัส Omicron (BA.1) และสูงถึง 27 เท่าต่อไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมอู่ฮั่น
ทำให้จีนมีความหวังค่อนข้างมากกับการพัฒนาวัคซีน mRNA ของตนเอง เพื่อใช้ในการรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโควิดในขณะนี้ ซึ่งมีผลมาจากการยกเลิกมาตรการเข้มข้นโควิดเป็นศูนย์
ข้อมูลล่าสุดประชาชนจีนฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว 90% แต่มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 เพียง 57.9%