โควิด 19 ในประเทศไทยยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในอัตราที่ชะลอลง
อย่างไรก็ดี จากการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยงถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้โควิดกลับมาสู่ขาขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะจากสายพัรธุ์ใหม่
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ (หมอมนูญ) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC) โดยมีข้อความระบุว่า
ขณะนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในประเทศไทยอยู่ในช่วงขาลง
จำนวนคนติดเชื้อและคนป่วยหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะกลับมาเป็นขาขึ้นอีก
เพราะเชื้อไวรัสโควิดตัวใหม่สายพันธุ์ XBB.1.5 จะเข้ามาไทยจากคนเดินทางจากประเทศตะวันตกไม่ช้าก็เร็ว
ไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 พัฒนามาจาก XBB ซึ่งพบครั้งแรกในประเทศอินเดียในเดือนสิงหาคม 2565
XBB เป็นลูกผสมของไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.10.1 กับ BA.2.75
XBB มีการกลายพันธุ์ที่ช่วยให้เอาชนะภูมิคุ้มกันของร่างกายได้
และสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 มีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนปุ่มหนามตำแหน่ง F486P
ซึ่งมีความสามารถในการยึดเกาะกับเซลล์ได้ดีขึ้น ทำให้แพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นๆถึง 5 เท่า
ขณะนี้ XBB.1.5 ขึ้นครองอันดับ 1 ในประเทศสหรัฐอเมริกาแทนที่สายพันธุ์ BQ.1.1 และ BQ.1 แล้ว
เชื้อไวรัสโควิดที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศไทยในขณะนี้เป็นสายพันธุ์ BA.2.75 ยังไม่ใช่ XBB.1.5
คนไทยไม่ต้องตื่นกลัวสายพันธุ์ XBB.1.5 เท่าที่ทราบสายพันธุ์ XBB.1.5 ความรุนแรงไม่ได้เพิ่มขึ้น
ไม่ได้ทำให้คนป่วยหนักกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นๆ
XBB.1.5 ติดกันง่ายมาก คนที่ยังไม่เคยติดเชื้อโควิด ในที่สุดก็จะติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้
นอกจากนี้คนที่ได้รับวัคซีนครบโดสและเข็มกระตุ้นแล้วหรือเคยติดเชื้อก็ยังติดเชื้อนี้ได้อีก
เพราะ XBB.1.5 หลบหลีกภูมิคุ้มกันเก่งกว่าสายพันธุ์อื่น
แต่คนส่วนใหญ่ถ้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือเคยติดเชื้อมาก่อนจะป่วยไม่มาก
การหลบหลีกภูมิคุ้มกันอาจทำให้การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Evusheld ไม่ได้ผล
แต่ยาต้านไวรัสเรมเดซิเวียร์ แพ็กซ์โลวิด และโมลนูพิราเวียร์ยังใช้ได้ผลเหมือนเดิม