โควิดจีนพ้นจุดพีคจากติดเชื้อ 7 ล้าน-ตาย 4 พันต่อวันภายใน 2 เดือน

27 ม.ค. 2566 | 04:58 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ม.ค. 2566 | 08:33 น.

โควิดจีนพ้นจุดพีคจากติดเชื้อ 7 ล้าน-ตาย 4 พันต่อวันภายใน 2 เดือน หมอเฉลิมชัยเผยกำลังเข้ามาสู่ระยะใกล้เคียงกับประเทศอื่นสำเร็จแล้ว

โควิด 19 ในประเทศจีนไม่สามารถควบคุมให้เป็นศูนย์ได้ หลังจากที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก

ล่าสุดน.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

หลังจากที่โควิดระบาดไปทั่วโลกมานานร่วมสามปี และประเทศต่างๆเลือกใช้นโยบายในการรับมือกับโควิดที่แตกต่างกันไป

จีนเป็นประเทศสุดท้าย ที่ใช้นโยบายเข้มข้น ปิดประเทศต่อเนื่องกันมาสามปี ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศจีน

และไม่ให้คนจีนออกมาท่องเที่ยวภายนอก เรียกว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์

หลังจากผ่านไป 3 ปี ผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับไม่เกิน 1 ล้านคน ผู้เสียชีวิตไม่เกิน 10,000 คน

แต่ก็มีการต่อต้านจากประชาชนที่ได้รับความยากลำบาก ทั้งจากมิติทางเศรษฐกิจและสังคม

หมอเฉลิมชัย ระบุอีกว่า ในที่สุดจีนจึงตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมอย่างเข้มข้น เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2565

หลังจากนั้น ก็ตามมาด้วยการระบาดอย่างรุนแรงกว้างขวาง โดยที่ทางการจีนไม่ได้แจ้งจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ

ในวันนี้ ChinaCDC ได้ประกาศตัวเลขออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า

จีนได้เข้าสู่พีคหรือจุดสูงสุดของการระบาดโควิดในสัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม 2565 (22ธค.65)

โควิดจีนพ้นจุดพีกจากติดเชื้อ  7 ล้าน-ตาย 4 พันต่อวันภายใน 2 เดือน โดยมีผู้ติดเชื้อมากถึงวันละ 7 ล้านคน และเสียชีวิตมากถึงวันละ 4000 คน

นับจนถึงปัจจุบัน ผู้มีภูมิคุ้มกันทั้งจากการฉีดวัคซีนและติดเชื้อตามธรรมชาติ ประมาณ 1.1 พันล้านคน คิดเป็น 80 ของประชากร 1.4 พันล้านคน

และเสียชีวิตรวม 72,596 คน ในช่วงระหว่างวันที่ 8ธค.65-19 มค.66

จากการคำนวณเปรียบเทียบล่าสุดพบว่าผู้ติดเชื้อแบบมีไข้ ลดลง 96.2% 

  • จาก 2,867,000 คน
  • เหลือวันละ 111,000 คน
  • ผู้ป่วยหนักลดลง 72% 
  • จากวันละ 128,000 คน
  • เหลือ 36,000 คน
  • ผู้เสียชีวิตลดลง 79% 
  • จากวันละ 4273 คน
  • เหลือ 896 คน

หมอเฉลิมชัย ยังระบุด้วยว่า แม้ตัวเลขดังกล่าวโดยเฉพาะตัวเลขผู้เสียชีวิต จีนจะเป็นผู้แถลงฝ่ายเดียว 

และประเทศตะวันตกได้ตั้งข้อสงสัยว่าสถิติตัวเลขดังกล่าวนั้นต่ำกว่าความเป็นจริง

อย่างไรก็ตาม ก็พอจะสรุปได้ว่า จีนกำลังจะพ้นระลอกพีคสูงสุดของโควิด เข้ามาสู่ระยะใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆสำเร็จแล้ว โดยใช้เวลารับมือวิกฤติอยู่เพียงสองเดือน

ในขณะที่ประเทศอื่นๆเจอโควิดหลายระลอก ในช่วงสามปีต่อเนื่องกัน

อาจจะเป็นการคาดเดาที่เก่งของจีน หรือเป็นเพียงโชคดี ที่ไวรัสบังเอิญกลายพันธุ์เป็นโอมิครอน ซึ่งมีการติดเชื้อที่รวดเร็วกว้างขวางมาก แต่เสียชีวิตน้อย

จึงทำให้ขณะนี้ จีนมีจำนวนผู้ติดเชื้อและฉีดวัคซีนจนมีภูมิคุ้มกันไปแล้ว 80% ของประชากร ใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ 

แต่เสียชีวิตน้อยกว่ามาก (เมื่อคิดเป็นร้อยละ ) และโควิดคงจะกลายเป็นโรคประจำฤดูกาลไปพร้อมกับประเทศอื่นต่อไป

อย่างไรก็ตาม คงจะต้องติดตามกันต่อไป โดยเฉพาะในเขตชนบทของจีน ว่าจะมีระลอกของโควิดเกิดขึ้นอีกหรือไม่ จากการที่จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มสามยังไม่สูงมากพอ