"ลองโควิด" น่ากลัวแค่ไหน มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง คลิกดูเลย

19 พ.ย. 2565 | 08:25 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ย. 2565 | 15:25 น.
795

"ลองโควิด" น่ากลัวแค่ไหน มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง คลิกดูเลยที่นี่มีคำตอบ หมอธีระแนะใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง ระหว่างดำรงชีวิตประจำวันช่วยลดความเสี่ยงลงได้มาก

Long COVID (ลองโควิด) ถือเป็นปัญหาที่สำคัญหลังจากที่มีการติดเชื้อโควิด-19 เพราะถึงแม้ว่าจะหายป่วย แต่ผลกระทบที่ตามมาหลังจากนั้นก็ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต

 

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความ
การป้องกัน Long COVID

 

ปัจจุบันมีเพียง 3 วิธีหลัก ได้แก่

 

  • การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบตามกำหนด จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด Long COVID ได้ราว 15-40%

 

  • การได้รับยาต้านไวรัส Paxlovid ตั้งแต่ช่วงแรกที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ จะช่วยลดความเสี่ยง Long COVID ได้ราว 26%

 

  • วิธีที่ดีที่สุดคือ การป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ให้ติดเชื้อซ้ำ เพราะการติดเชื้อแต่ละครั้งย่อมเกิดความเสี่ยงเป็นเงาตามตัว

 

การหมั่นอัพเดตสถานการณ์ และความรู้ที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ

 

ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ลดละเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง สถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี

 

ที่สำคัญที่สุดคือ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง ระหว่างดำรงชีวิตประจำวัน ทำงาน เรียน หรือท่องเที่ยว จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

อัพเดตผลของ Long COVID กับการทำงาน

 

Trujillo KL และคณะ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิเคราะห์ผลการสำรวจประชากรกว่า 15,000 คน อายุ 18-69 ปี ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2564 ถึงกรกฎาคม 2565 เผยแพร่ใน medRxiv วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565

 

สาระสำคัญพบว่า กลุ่มประชากรที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 และเกิดอาการผิดปกติ Long COVID นั่น เกือบครึ่งหนึ่ง (45.9%) มีปัญหาด้านความคิดความจำ (brain fog, impaired memory)

 

ลองโควิด น่ากลัวแค่ไหน มีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง

 

ทั้งนี้ วิเคราะห์พบว่า การเกิดปัญหา Long COVID นั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกงาน/ไม่มีงานทำ 44%, และเพิ่มความเสี่ยงต่อการไม่สามารถทำงานเต็มเวลา (full-time work) 27%

 

นอกจากนี้ การที่มีปัญหาด้านความคิดความจำ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการไม่สามารถทำงานเต็มเวลา 29%

 

ผลการวิจัยนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา Long COVID กับการทำมาหากิน/การทำงาน และช่วยให้เราเห็นถึงความสำคัญของการป้องกัน เพราะการติดเชื้อไม่ได้จบแค่ชิลๆ หาย ป่วย หรือตาย แต่ยังทำให้เกิดความเสี่ยงต่ออาการผิดปกติระยะยาวตามมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต สมรรถนะในการดำเนินชีวิตประจำวัน และการทำงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามมา
 

19 พฤศจิกายน 2565...

 

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 266,736 คน ตายเพิ่ม 627 คน รวมแล้วติดไป 642,435,193 คน เสียชีวิตรวม 6,623,352 คน

 

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ไต้หวัน และออสเตรเลีย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก

 

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็น 89.67% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 82.61%
การระบาดในอเมริกา

 

ล่าสุดข้อมูลจาก US CDC ชี้ให้เห็นว่า สายพันธุ์ย่อยที่ครองการระบาดมากที่สุดคือ BQ.1.x ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงถึง 49.7% ในขณะที่ BA.5 นั้นเหลือเพียง 24%

 

นอกจากนั้นยังมีอีกหลายสายพันธุ์ที่ตรวจพบในสัดส่วนรองๆ ลงมา เช่น BF.7, BN.1, BA.4.6