สัญญาณเตือนอาการ"มะเร็งปอด"ไม่สูบบุหรี่ก็ป่วยได้

12 พ.ย. 2565 | 09:31 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2565 | 18:43 น.
1.7 k

กรมการแพทย์ เผยสัญญาณเตือนอาการ"มะเร็งปอด" ไอเรื้อรังเกิน 1 เดือน ควรรีบพบแพทย์ พร้อมเปิดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรค ไม่สูบบุหรี่ก็ป่วยได้

จากกรณี นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี ได้ออกมาเล่าเรื่องการป่วยเป็น ‘มะเร็งปอด ระยะลุกลาม’ ผ่านเฟซบุ๊ก สู้ดิวะ หลังเพิ่งบรรจุเป็นอาจารย์แพทย์ ได้เพียง 2 เดือน

 

สัญญาณเตือนอาการ\"มะเร็งปอด\"ไม่สูบบุหรี่ก็ป่วยได้

 

หมอป่วยมะเร็งปอด ทั้งที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เล่นกีฬา กินคลีน ไม่สูบบุหรี่ ดื่มน้อยมาก ทำงานไม่เครียด นอนเป็นเวลา ไม่มีเค้าลางมาก่อน

 

จากกรณีนี้แสดงชัดเจนแม้ไม่สูบบุหรี่ ก็สามารถป่วยเป็นมะเร็งปอดได้

 

 

นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดทั่วโลก สำหรับประเทศไทยโรคมะเร็งปอดถือเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 14,586 คน หรือคิดเป็น 40 คนต่อวัน

 

 

ขณะที่นพ.สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดระยะแรกมักจะไม่มีอาการ แต่เมื่อโรคดำเนินไปมากขึ้นก็จะมีอาการมะเร็งปอด แต่ก็มักไม่จำเพาะจึงอาจทำให้เกิดการวินิจฉัยที่ล่าช้ามีผลต่อระยะของโรคที่ลุกลามหรือแพร่กระจายไปมาก ส่งผลให้การรักษาได้ผลไม่ดีเท่าที่ควรและมีโอกาสการรักษาหายจากโรคน้อย

 

ผู้หญิงหรือผู้ชาย เพศไหนเสียงมะเร็งปอดมากกว่ากัน

 

  • จากสถิติของกรมการแพทย์ พบว่ามะเร็งปอด จะพบมากเป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง

 

  • ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 17,222 คน เป็นเพศชาย 10,766 คน และเพศหญิง 6,456 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 14,586 คน หรือคิดเป็น 40 คนต่อวัน

ปัจจัยเสี่ยงโรคมะเร็งปอด 

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคมะเร็งปอด ไม่ใช่แค่การสูบบุหรี่เพียงปัจจัยเดียว แต่คนไม่สูบบุหรี่ ก็มีอาการมะเร็งปอดได้ ซึ่งปัจจัยที่เสี่ยงต่อโรค มีหลายปัจจัย ดังนี้

 

 

  • การสูบบุหรี่ 

 

  • การได้รับควันบุหรี่มือสอง 

 

  • การสัมผัสสารก่อมะเร็ง อาทิ ก๊าซเรดอน แร่ใยหิน รังสี ควันธูป

 

  • ควันจากท่อไอเสีย 

 

  • มลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 เป็นต้น

ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งปอด

ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล แสดง ระบุ อยากให้อ่านเรื่องของเพจ “สู้ดิวะ” 

 

เขียนโดยอาจารย์หมอเชียงใหม่วัย 28 ปี นักกีฬา ไม่สูบบุหรี่ เพิ่งทำงานได้ 2 เดือน พบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย กระจายไปที่สมองแล้ว ทุกคนมีเวลาจำกัดมากน้อยต่างกัน ใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้คุ้มค่า มีคุณค่ามีความหมาย

 

หมอป่วยมะเร็งปอด

 

เน้นไว้ตรงนี้อีกที PM 2.5 คือสาเหตุสำคัญหนึ่งของมะเร็งปอดในคนไม่สูบบุหรี่ ฤดูนี้เปิดเครื่องฟอกไปรัว ๆ กดให้ต่ำกว่า 10 ยิ่งต่ำกว่า 5 ยิ่งดี อย่าใช้ปอดเราเป็นไส้กรองอากาศ

 

โดยทีมนักวิจัย UK พบกลไกที่ทำให้ PM2.5 ก่อมะเร็งปอดโดยเฉพาะคนไม่สูบบุหรี่ พบว่าปอดเรามีการกลายพันธุ์ของยีน EGFR & KRAS นิดหน่อยเป็นทุนเดิม พอหายใจเอา PM2.5 เข้าไป กระตุ้นเซลล์มียีนนี้ให้แปลงร่างเป็น cancer stem cell ได้

 

อ่านรายละเอียดงานวิจัย ESMO2022 คลิ๊ก

 

 

สัญญาณเตือนอาการ "มะเร็งปอด"

 

  • ไอเรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 1 เดือน

 

  • ไอเป็นเลือดหรือมีเสมหะปนเลือด

 

  • เจ็บแน่นหน้าอก

 

  • หายใจลำบาก   

 

  • น้ำหนักลด

 

  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย

 

  • เบื่ออาหาร

 

  • บางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ

 

  • มีปอดติดเชื้อซ้ำซาก

 

อาการเหล่านี้แม้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงกับมะเร็งปอดอาจพบในโรคอื่นได้ เช่น วัณโรคปอด หากมีอาการสงสัยต้องทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม การวินิจฉัย ทำโดยการถ่ายภาพรังสีปอด (X-ray หรือ CT scan) ร่วมกับการตรวจหาเซลมะเร็ง

 

เช่นการตรวจจากเสมหะ หรือการตัดชิ้นเนื้อจากปอดมาตรวจ เมื่อพบว่าเป็นมะเร็งปอดแน่นอนแล้วแพทย์จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติร่วมตัดสินใจ โดยพิจารณาจากชนิดของมะเร็ง ระยะโรคและการลุกลาม ความแข็งแรงของผู้ป่วยเป็นหลัก

 

 

การรักษามะเร็งปอด
การรักษามะเร็งปอด

 

  • การผ่าตัด 

 

  • การให้ยาเคมีบำบัด 

 

  • การฉายรังสี 


ทั้งนี้การรักษามะเร็งปอด แพทย์จะพิจารณาจากระยะของโรค ตำแหน่งของก้อนมะเร็ง และการกระจายของโรค รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

 

ปัจจุบันการคัดกรองมะเร็งปอดในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงที่ดีที่สุดคือการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอด แต่เนื่องด้วยมีค่าใช้จ่ายที่สูงจึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าได้ไม่ถึง 

 

ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยการเอกซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบในแต่ละปีว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสงสัยจะเป็นมะเร็งปอดหรือไม่
 

 

แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสู่โรคมะเร็งปอด  เช่น งดสูบบุหรี่ ป้องกันตัวจากการสัมผัสแร่ใยหิน หรือ มลภาวะ

 

หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และ รีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ