ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ ซีดีซี เตือนว่า จำนวน ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ในสหรัฐในช่วงฤดูหนาวปีนี้ อาจมากกว่าปีก่อน ๆ หลังจากที่สถานการณ์การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ลดลงในช่วงการระบาดของโควิด-19 ตลอดสองปีที่ผ่านมา
สำนักข่าววีโอเอ สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานอ้างอิงซีดีซี ระบุว่า สหรัฐพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ค่อนข้างน้อยตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรการที่ใช้ควบคุมการระบาดของโควิด-19 สามารถป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ซีดีซีเตือนว่า เวลานี้ไข้หวัดใหญ่ได้เริ่มกลับมาแพร่ระบาดในบางพื้นที่ทางภาคใต้ของสหรัฐแล้ว โดยเฉพาะที่รัฐเท็กซัสและจอร์เจียที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (2564)
มองประเทศซีกโลกใต้เป็นตัวอย่าง
นายแพทย์วิลเลียม แชฟเนอร์ ผู้อำนวยการด้านการแพทย์แห่งมูลนิธิโรคติดเชื้อแห่งชาติ (National Foundation for Infectious Diseases) เปิดเผยวานนี้ (25 ต.ค.) ว่า แม้ฤดูระบาดของไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐเพิ่งจะเริ่มต้น แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นในซีกโลกทางใต้ ชี้ให้เห็นว่าไข้หวัดใหญ่อาจระบาดอย่างหนักได้ในปีนี้
นักวิจัยมักใช้วิธีสังเกตฤดูการระบาดของประเทศในซีกโลกทางใต้ก่อน เช่น ออสเตรเลีย ซึ่งปกติจะอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม - เดือนตุลาคม เพื่อคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อฤดูการระบาดของซีกโลกทางภาคเหนือมาถึงในช่วงเดือนตุลาคม ต่อเนื่องถึงเดือนพฤษภาคม
ในปี 2565 นี้ ออสเตรเลียเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่เร็วกว่าปกติถึงสองเดือน และมีการระบาดหนักที่สุดในรอบหลายปี โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยถึงสามเท่า อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลีย กล่าวคือ มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ยืนยันแล้ว 225,332 คน เสียชีวิต 308 คน เทียบกับปี 2563 ที่มีผู้ติดเชื้อ 21,266 คน และเสียชีวิต 37 คน
เตือนให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
รายงานชี้ว่า เด็กและคนหนุ่มสาวในออสเตรเลียคือกลุ่มที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ ส่วนหนึ่งเชื่อว่า เป็นเพราะภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของพวกเขาได้ลดลงจากการที่ไม่ได้สัมผัสกับไข้หวัดใหญ่มากนักในช่วงที่มีการใช้มาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวดในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการบังคับสวมหน้ากาก และการเว้นระยะห่างทางสังคม
ทั้งนี้ ข้อมูลของซีดีซีสหรัฐระบุว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (Influenza A) ซึ่งทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงกว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดอื่น พบมากขึ้นในปีนี้ และสามารถติดต่อได้ง่ายกว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดบี (Influenza B) ราว 2-3 เท่า
ด้วยเหตุนี้ ซีดีซีจึงขอให้ชาวอเมริกันอายุ 6 เดือนขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก่อนสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ แพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผอ.ซีดีซี กล่าวว่า "สองปีที่ผ่านมา อัตราการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในหมู่ประชาชนอเมริกันลดลงอย่างน่ากังวล โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการรุนแรง"
นอกจากนี้ กระแสการต่อต้านวัคซีนในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดความกังวลว่า อาจมีประชาชนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่น้อยลงไปด้วย โดยผลการสำรวจของมูลนิธิโรคติดเชื้อแห่งชาติ พบว่ามีคนอเมริกันจำนวนน้อยลงที่บอกว่าจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปีนี้
"ในขณะที่ฤดูการระบาดที่ท้าทายของไข้หวัดใหญ่กำลังรออยู่ข้างหน้า เราขอให้ทุกคนปกป้องตนเองและครอบครัวจากไข้หวัดใหญ่และอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ" แพทย์หญิงวาเลนสกี กล่าว
นอกจากนี้ ซีดีซียังแนะนำว่า ในการป้องกันตัวเองจากไข้หวัดใหญ่นั้น ประชาชนควรใช้มาตรการต่าง ๆ ที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วระหว่างการระบาดของโควิด-19 เช่น การเว้นระยะห่างกับผู้อื่น การล้างมือบ่อย ๆ การปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจาม และการกักตัวอยู่บ้านเมื่อมีอาการป่วย
ข้อมูลอ้างอิง