โควิดสายพันธุ์ XBB ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่การวิจัยพบว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากที่สุด
ขณะที่ในปัจจุบันพบว่ามีการแพร่ระบาดอย่างมากที่ประเทศสิงคโปร์
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
สิงคโปร์วอนนานาชาติ อย่าเรียกว่า “ไวรัสสิงคโปร์” ให้เรียกว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ XBB ไม่ได้รุนแรงมากกว่า BA.5
นับตั้งแต่มีข้อมูลว่า สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มมากกว่า 2 เท่า คือ จากวันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 2565 จำนวน 4719 ราย
เพิ่มเป็น 11,732 ราย ในวันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2565 และพบว่ากว่า 55% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ เกิดจากไวรัสสายพันธุ์ย่อยใหม่ที่เรียกว่า XBB
จึงทำให้โลกหันมาสนใจว่า ไวรัส XBB นั้นเป็นอย่างไร
ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ได้ออกมาแถลงอย่างเร่งด่วนว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไวรัส XBB ของสิงคโปร์มีดังนี้
- สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ภายในหนึ่งวันจริง
- ณ ปัจจุบัน หลังจากพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ XBB ได้เพียง 3 สัปดาห์ พบว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลัก ครอบคลุมผู้ติดเชื้อกว่า 55% ชนะสายพันธุ์เดิมคือ BA.5 เรียบร้อยแล้ว
- อย่างไรก็ตาม ไวรัส XBB ไม่ได้ทำให้ยอดผู้เจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยพบว่าเข้าไอซียูไป 11 ราย และต้องให้ออกซิเจน 50 ราย ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ
- ไวรัสสายพันธุ์ XBB ไม่ได้พบเป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์ จึงไม่ควรเรียกว่าไวรัสสิงคโปร์ หากแต่พบในหลากหลายประเทศก่อนสิงคโปร์ และปัจจุบัน ก็พบในหลายประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เดนมาร์ก และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
หมอเฉลิมชัย ระบุอีกด้วยว่า สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับไวรัส XBB มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
- เป็นไวรัสสายพันธุ์ย่อย ที่อยู่ในไวรัสสายพันธุ์หลัก กลุ่มโอมิครอน
- ไวรัส XBB เกิดจากการกลายพันธุ์มาจาก BA.2 ข้อมูลบางส่วนบอกว่าเป็นการผสมร่วมกันระหว่าง BA.2 กับ BA.2.75
- มีการเปลี่ยนแปลงที่ส่วนหนาม (Spike protein) จึงทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ลดลง หรืออาจใช้คำพูดว่า เป็นไวรัสที่สามารถทะลุทะลวงหรือดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากที่สุดในปัจจุบัน ทั้งที่เกิดจากการฉีดวัคซีน และการติดเชื้อตามธรรมชาติ
- จึงทำให้มีการแพร่ระบาดของไวรัส XBB ที่รวดเร็วกว่าทุกสายพันธุ์ของโอมิครอนรวมทั้ง BA.5 ซึ่งเคยเป็นตัวที่แพร่ระบาดเร็วที่สุด
- แต่ความรุนแรง ในการก่อโรค ยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่ารุนแรงมากขึ้น
- เชื่อว่าวัคซีนรุ่นใหม่หรือเจนเนอเรชั่นที่ 2 หรือสองสายพันธุ์ (Bivalent) ที่กำลังจะออกมาใช้นั้น จะรับมือได้ดีกว่าวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1 แม้สองสายพันธุ์ที่ทำใหม่ จะเป็นเพียง BA.1 ที่ไม่ใช่ BA.2 และ XBB ก็ตาม
ทั้งนี้บริษัท Moderna เป็นบริษัทแรกที่ได้จดทะเบียนวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่อังกฤษ และทางการสิงคโปร์จะนำเข้ามาฉีดในวันที่ 14 ตุลาคมนี้