นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบหายใจ กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jiraruj Praise เกี่ยวกับวิธีการลดไขมันสะสม ต้องออกกำลังกายมากแค่ไหน โดยระบุว่า
ออกวิธีไหน แค่ไหนก็ไม่พอ ถ้าไม่เริ่มที่ การเลิกสะสม ซึ่งก็คือ วิธีกิน กับ สิ่งที่กิน
หมอจิรรุจน์ อธิบายว่า ปกติร่างกายเรามีการใช้ไขมันอยู่แล้วนั่นคือ การเต้นของหัวใจของเรา โดยหัวใจเราใช้ไขมัน หรือไตรกลีเซอไรด์เป็นพลังงานหลัก ไม่ว่าอินซูลินในเรื่องคุณจะสูงหรือต่ำแค่ไหนก็ตาม
แต่การที่เราจะเผาไขมันที่มีสะสมอยู่ในตัว ปัจจัย ที่สำคัญมากๆ ไม่ใช่จะออกกำลังกายมาก แค่ไหน แต่อยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมน อินซูลิน-กลูคากอน ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิธีการกินและสิ่งที่กินโดยตรง
สำหรับไขมันที่สะสมส่วนใหญ่นั้น อยู่ในรูปของไตรกลีเซอไรด์ อยู่ในเซลล์ไขมัน ซึ่งมาจากการเปลี่ยนของน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นในกระแสเลือดจากการกิน ไม่ใช่มาจากอาหารจำพวกไขมัน
การสะสม ไขมัน เริ่มขึ้นทันที หากกินมันเข้าไป โดยอิทธิพลของฮอร์โมนอินซูลิน หากถังเก็บในส่วนของไกลโคเจนเต็มตลอด
ดังนั้น หากไม่ได้มีระบบเผาผลาญ ที่ดีมากๆ หรือมีการพร่องของไกลโคเจนในตับและกล้ามเนื้อไว้ มันเป็นไปได้ยากมาก ที่จะไล่เก็บการสะสมนั้นได้ทัน
หมอจิรรุจน์ บอกอีกว่า การออกกำลังกาย เป้าประสงค์สำคัญ อย่างหนึ่งในการลดน้ำหนัก ก็คือการลดไกลโคเจนที่สะสมอยู่ เพื่อให้มีที่เก็บ หลังจากการกินมากขึ้น
ส่วนที่เกินจากนั้นถึงจะไปเก็บเป็นไขมัน แต่ก็เพียงแค่ชะลอในส่วนของการออกกำลังกาย เพื่อมุ่งหวังให้มีการเผาไขมัน แบบชนิดเอาเป็นเอาตาย จะต้องมีเทคนิค หรือ รูปแบบที่ต้องว่ากันอีกทีหนึ่ง
แต่คำถามก็คือจะออกกำลังกาย ได้กี่ชั่วโมงต่อวัน ถ้าใน 1 วันชีวิตมีงานประจำต้องทำ และมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมาย
แต่ถ้าหากรู้จักวิธีกินที่สามารถช่วยให้ร่างกายใช้ไขมันได้ แม้กระทั่งเวลาที่หลับ และรู้จัสิ่งที่กิน เพื่อที่จะลดการสะสมไขมันเข้าไป
ด้วยวิธีนี้ หากทำได้เหมาะสมและมีวินัย ไขมันสะสมก็จะถูกนำไปใช้ จนหายไปถึงจุดที่ เหมาะสมสำหรับตัวคุณ
เรื่องนี้มีบทพิสูจน์มากมายจากหลายท่าน รวมถึงตัวผมเอง ที่วันนี้สามารถ ลดไขมันสะสมจาก 22% ลงมาเหลือ 10.1% และคงที่แบบนี้ มาประมาณ 4 เดือนแล้ว
หมอจิรรุจน์ สรุปว่า ปัญหาไขมันสะสมในร่างกาย ไม่ว่าจะส่วนใดก็ตามหากเกิดขึ้นจากการกินต้องแก้ปัญหาที่การกินก่อน
เหตุแห่งทุกข์ จะแก้ทุกข์ต้องดับที่เหตุ
ส่วนการออกกำลังนั้น จะเป็นสิ่งช่วยเสริม