จากรายงาน ข้อมูลเศรษฐกิจเชิงสุขภาพของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2566 ระบุว่า
1. ประเทศไทย: ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
- ประเทศไทยได้รับการยอมรับด้าน Wellness Tourism เนื่องจากมีบริการที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่เข้าถึงได้เมื่อเทียบกับประเทศตะวันตก
- จุดแข็งของไทยคือ การแพทย์เชิงป้องกัน (Preventive Medicine) ที่สามารถช่วยตรวจจับโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ลดภาระด้านสุขภาพของประชากรในระยะยาว
2. Wellness Economy ของไทยติดอันดับโลก
- รายงานของ Global Wellness Institute ระบุว่า อุตสาหกรรม Wellness Economy ของไทยมีมูลค่ากว่า 40.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท)
- Wellness Tourism เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของไทย คิดเป็นสัดส่วนใหญ่ของ GDP ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้อันดับ 1 ในทั้งหมด 11 อุตสาหกรรมเวลเนสประเทศไทย มูลค่าปีล่าสุดสูงถึง 4 แสนล้านบาท
3. ปัจจัยที่ผลักดันประเทศไทยสู่ Wellness Hub ระดับโลก และกำลังขับเคลื่อน Wellness Hub Thailand ภายใต้แนวคิด 5S ที่ช่วยให้ไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ดังนี้
S1: Scientific Wellness Services – บริการสุขภาพมาตรฐานระดับโลก
- การใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI, Telemedicine และการวิเคราะห์ทางพันธุกรรม (Genome) และวิทยาศาสตร์การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) เพื่อดูแลสุขภาพเชิงป้องกันสนับสนุนให้ประชาชนสุขภาพดี
S2: Signature Thai Wellness – การบูรณาการศาสตร์ไทยสู่มาตรฐานสากล
- สมุนไพรไทย นวดไทย และสปาไทย กำลังได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ
- นำศาสตร์แพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกมาผสานกับเวชศาสตร์ป้องกันและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
S3: Sustainable Wellness Tourism – การท่องเที่ยวสุขภาพที่ยั่งยืน
- ไทยเป็นประเทศที่มีแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งสามารถพัฒนาเป็น Green Wellness Destination
- การพัฒนาสถานที่พักฟื้นและศูนย์สุขภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
S4: Smart Healthcare Technology – เทคโนโลยีสุขภาพอัจฉริยะ
- ใช้ AI และ Big Data ในการดูแลสุขภาพ ปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน
S5: Safe & Trusted Destination – ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
- มีมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยสูง ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มองหาบริการด้านสุขภาพที่เชื่อถือได้
นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศักยภาพของไทยในฐานะ Wellness Destination มีทุกอย่างครบครัน ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง ราคาไม่แพง ความเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน, สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม, อาหารไทยเพื่อสุขภาพ,การแพทย์แผนไทย, การนวดไทย, สมุนไพรไทย, การต้อนรับสวัสดีอันอบอุ่นของไทย และวัฒนธรรมสุขภาพที่แข็งแกร่ง ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำด้าน Wellness Tourism ของโลก และความร่วมมือในงานวิจัยครั้งนี้ จะช่วยผลักดันไปสู่การเป็น Global Wellness Destination
เป้าหมายการก้าวไปสู่ตลาดระดับโลก
- ดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากทั่วโลกWellness Tourism
- พัฒนาบริการ Wellness Retreatsโรงแรมและศูนย์ดูแลสุขภาพระดับพรีเมียม
- ส่งเสริม Medical & Wellness Packages ที่ครอบคลุมทั้งการรักษาและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน
สรุปข้อมูลจากรายงาน “The Global Wellness Economy: Thailand (2019-2023)”
1. ความหมายและภาพรวมของอุตสาหกรรม Wellness
1.1 ความหมายของ Wellness
- Wellness หมายถึงการแสวงหากิจกรรม การเลือกใช้ชีวิต และวิถีชีวิตที่นำไปสู่สุขภาพที่สมบูรณ์แบบองค์รวม (Holistic Health)
- เป็นแนวคิดที่มีรากฐานมาจากศาสตร์สุขภาพโบราณ เช่น อินเดีย (อายุรเวท), จีน (การแพทย์แผนจีน), และกรีก-โรมัน
- Wellness ไม่ใช่เพียงสุขภาพทางกาย แต่ครอบคลุมสุขภาพจิต อารมณ์ สังคม สิ่งแวดล้อม และจิตวิญญาณ
1.2 ความหมายของ Wellness Economy
- อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถดำเนินชีวิตตามแนวทางWellness ได้
- ครอบคลุม 11 ภาคส่วน เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism), อาหารเพื่อสุขภาพ, เวชศาสตร์ป้องกัน, ฟิตเนส, สปา ฯลฯ
- ในปี พ.ศ. 2566 อุตสาหกรรม Wellness ทั่วโลกมีมูลค่า 6.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตปีละ 7.3% ไปเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี พ.ศ. 2571
2. ภาพรวมอุตสาหกรรม Wellness ในประเทศไทย
2.1 มูลค่าตลาด Wellness Economy ของไทย
- ปี พ.ศ. 2566 มูลค่ารวมเศรษฐกิจสุขภาพไทยอยู่ที่ 40.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท) ติดอันดับ #24 ของโลก และอันดับ #9 ในเอเชียแปซิฟิก
- ฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้มูลค่าตลาดลดลงในปีพ.ศ. 2563-2564
2.2 การเติบโตของอุตสาหกรรม Wellness Economy ไทย (ปี พ.ศ. 2562-2566)
- มูลค่าเศรษฐกิจเวลเนส ในปี พ.ศ. 2566 คิดเป็น 7.87% ของ GDP ประเทศไทย
3. ภาคส่วนสำคัญของ Wellness Economy ไทย
3.1 รายได้จากแต่ละภาคส่วนในปี พ.ศ. 2566
- การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4.1 แสนล้านบาท
- อาหารเพื่อสุขภาพและโภชนาการ 3 แสนล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงาม 2.4 แสนล้านบาท
- การแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก 1.1 แสนล้านบาท
- ฟิตเนสและกิจกรรมทางกาย 1.1 แสนล้านบาท
- เวชศาสตร์ป้องกันและการแพทย์เฉพาะบุคคล 9.1 หมื่นล้านบาท
- สปา 5.3 หมื่นล้านบาท
- สุขภาพจิต (Mental Wellness) 2.2 หมื่นล้านบาท
- อสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพ (Wellness Real Estate) 1.7 หมื่นล้านบาท
- Wellness ในสถานที่ทำงาน 3,700 ล้านบาท
- บ่อน้ำพุร้อนและน้ำแร่ 673 ล้านบาท
4. รายละเอียดของแต่ละภาคส่วน
4.1 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)
- มูลค่าตลาดปี พ.ศ.2566 อยู่ที่ 4.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 30.4% ของตลาด Wellness ไทย
- การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจาก COVID-19 โดยเพิ่มขึ้น 119.5% จากปี พ.ศ. 2565
การท่องเที่ยว Wellness แบ่งเป็น:
- นักท่องเที่ยวในประเทศ: 8.08 ล้านคน ใช้จ่ายเฉลี่ย 1.2 หมื่นบาท ต่อทริป
- นักท่องเที่ยวต่างชาติ: 5.40 ล้านคน ใช้จ่ายเฉลี่ย 5.8 หมื่นบาท ต่อทริป
4.2 สปา
- รายได้สปาในไทยปี พ.ศ.2566 อยู่ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท
- โรงแรมและรีสอร์ทสปาคิดเป็น 70% ของรายได้ทั้งหมด
- จำนวนสปาในไทย 2,865 แห่ง เพิ่มขึ้นจาก 2,785 แห่งในปี พ.ศ.2565
4.3 ฟิตเนสและกิจกรรมทางกาย
- รายได้ปี พ.ศ.2566 อยู่ที่ 1.1 แสสล้านบาท
- อุปกรณ์และเสื้อผ้ากีฬาเป็นตลาดหลัก คิดเป็น 74.5% ของรายได้
4.4 อาหารเพื่อสุขภาพและโภชนาการ
- รายได้ปี พ.ศ.2566 อยู่ที่ 3 แสนล้านบาท
ประเภทสินค้า:
- อาหารเพื่อสุขภาพ: 1.9 แสนล้านบาท (+8.4%)
- วิตามินและอาหารเสริม: 7.8 หมื่นล้านบาท (+12.6%)
ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก: 3.7 หมื่นล้านบาท (+11.9%)
4.5 สุขภาพจิต (Mental Wellness)
- รายได้ปี พ.ศ.2566 อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท (+13.7%)
- รายได้จากผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจิต เช่น สมุนไพรบำรุงสมอง, โยคะ, การทำสมาธิ การนอนหลับ เติบโตอย่างรวดเร็ว
4.6 เวชศาสตร์ป้องกันและการแพทย์เฉพาะบุคคล
- รายได้ปี พ.ศ. 2566 อยู่ที่ 9.1 หมื่นล้านบาท (+10.5%)
- การตรวจสุขภาพเชิงป้องกันและการแพทย์เฉพาะบุคคล (Preventive Medicine, Precision Medicine and Genetic Testing) มีแนวโน้มเติบโตสูง
4.7 การแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก
- รายได้ปี พ.ศ. 2566 อยู่ที่ 1.1 แสนล้านบาท (+7.7%)
- ยาสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีสัดส่วนรายได้สูงสุด
4.8 อสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพ (Wellness Real Estate)
- รายได้ปี พ.ศ. 2566 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท (+11.4%)
- มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีการลงทุนเพิ่มขึ้นในโครงการที่อยู่อาศัยเชิงสุขภาพ
5. แนวโน้มในอนาคต
- Wellness Economy ของไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 7-10% ต่อปี
- การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ เวชศาสตร์ป้องกัน จะเป็นภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุด (Wellness Tourism and Preventive Medicine)
- อุตสาหกรรม Wellness จะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจไทย และจุดแข็งสำคัญของประเทศไทยคือ Wellness Hub Thailand Project
ประเทศไทยมีศักยภาพสูงใน Wellness Economyโดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต
ความร่วมมือระหว่าง Global Wellness Institute และ BDMS Wellness Clinic เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Wellness Hub ของโลก ด้วยแนวคิด 5S ประเทศไทยไม่เพียงแต่จะเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสุขภาพที่โดดเด่น แต่ยังสามารถเป็นต้นแบบของระบบสุขภาพที่ยั่งยืน หรือ “Sustainable Wellness” ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Health Span ให้กับประชากรทั่วโลก