BDMS Wellness Clinic จัดเสวนาเดือนรอมฎอน เพื่อสุขภาวะที่ดีสำหรับชาวมุสลิม

17 ก.พ. 2568 | 19:01 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.พ. 2568 | 20:17 น.

BDMS Wellness Clinic จัดงาน “Wellness for Ramadan: ศาสตร์แห่ง Wellness กับรอมฎอน ความสมดุลแห่งศรัทธาและสุขภาพ” ส่งเสริมการดูแลสุขภาพและเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับชาวมุสลิม ตลอดเดือนรอมฎอน

แพทย์หญิงปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริหาร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหารอาวุโส กลุ่ม 1 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า BDMS Wellness Clinic ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสุขภาวะที่ดีสำหรับชาวมุสลิมในช่วงเดือนรอมฎอน จึงได้จัดงานเสวนา ‘Wellness for Ramadan’ เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพ ศาสตร์แห่ง Wellness ครอบคลุมการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ที่ล้วนมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมดุลแห่งสุขภาพและความสุขในช่วงเดือนรอมฎอน 

โดยเดือนรอมฎอน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในศาสนาอิสลาม เนื่องจากเป็นเดือนที่พระคัมภีร์อัลกุรอานอันศักดิ์สิทธิ์ถูกประทานลงมายังศาสดามูฮัมมัด ด้วยเหตุนี้ การถือศีลอดจึงกลายเป็นหนึ่งในศาสนกิจสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความศรัทธาและการปฏิบัติตามคำสอนแห่งพระผู้เป็นเจ้า 

นอกจากมิติทางศาสนา รอมฎอนยังเป็นช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนจิตใจ เสริมสร้างความอดทน และการควบคุมตนเอง ผ่านการละเว้นจากอาหารและน้ำตั้งแต่รุ่งอรุณจนถึงดวงอาทิตย์ตก และนอกเหนือจากการเป็นศาสนกิจ การถือศีลอดยังมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ ช่วยให้ร่างกายได้พักฟื้น กระตุ้นกระบวนการชำระล้างร่างกาย และปรับสมดุลสุขภาวะโดยรวม

นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือคุณหมอแอมป์ ประธานคณะผู้บริหารบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การถือศีลอดในช่วงรอมฎอนไม่เพียงเป็นศาสนกิจที่สำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลก แต่หากพูดในเชิงการแพทย์ การถือศีลอดยังมีความสอดคล้องกับแนวทางการดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่าง Intermittent Fasting (IF) ซึ่งเป็นรูปแบบการรับประทานอาหารที่จำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร 

ทั้งยังช่วยส่งเสริมวินัยด้านการรับประทานอาหารให้กับเราทุกคนให้รับประทานอาหารได้อย่างเป็นเวลามากขึ้น นอกจากช่วยลดการรับประทานอาหารจุกจิกเกินความจำเป็นแล้วยังส่งผลดีต่อร่างกายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ช่วยในการลดน้ำหนัก ช่วยในการลดการอักเสบในร่างกาย ยังส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินด้วย

BDMS Wellness Clinic จัดเสวนาเดือนรอมฎอน เพื่อสุขภาวะที่ดีสำหรับชาวมุสลิม

อย่างไรก็ตาม การสร้างสมดุลระหว่างการอดอาหารและการรับประทานอาหาร เป็นสิ่งสำคัญที่ชาวมุสลิมควรให้ความสำคัญในระหว่างถือศีลอด เพื่อให้ร่างกายยังคงแข็งแรง และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข ด้วการรับประทานอาหารในช่วง ซูโฮร์ (Suhoor) และ อิฟตาร์ (Iftar) ภายใต้ศาสตร์แห่ง Wellness เพื่อบูสต์พลังให้ร่างกาย

คำแนะนำในการรับประทานอาหาร

ซูโฮร์ (Suhoor) คือมื้ออาหารที่ชาวมุสลิมรับประทานในระหว่างก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หรือตอนช่วงเวลา 4:00 – 4:30 น. ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของวัน เนื่องจากเป็นมื้ออาหารมื้อแรกก่อนที่ชาวมุสลิมจะไปใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน การรับประทานอาหารในมื้อซูโฮร์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม และเพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชาวมุสลิมที่กำลังถือศีลอดควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

1. เลือกรับประทานอาหารที่ให้พลังงานอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง เช่น คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีน และไขมันดี เป็นแหล่งอาหารที่ให้พลังงานอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอสำหรับทำกิจกรรมได้อย่างราบรื่นตลอดทั้งวัน

2. รับประทานอาหารอย่างสมดุล ใช้หลักการ แบ่งจานอาหารเป็น 4 ส่วน โดย 50% เป็นผักหลากหลายชนิด อีก 25 % เป็นโปรตีนที่ดี เช่น ปลา ถั่วและธัญพืช ส่วนที่เหลืออีก 25 % เป็นข้าวแป้งไม่ขัดสี อย่างเช่น ข้าวกล้อง เพื่อช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในระหว่างถือศีลอด

3. รับประทานอาหาร Plant-based เป็นหลัก เน้นการรับประทานผักผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ในพืชต่างๆ อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยส่งเสริมระบบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เนื่องจากในระหว่างวัน ชาวมุสลิมจะต้องงดรับประทานอาหารและดื่มน้ำ การดื่มน้ำให้เพียงพอในช่วงซูโฮร์ จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อให้ร่างกายไม่ต้องเผชิญกับภาวะขาดน้ำในระหว่างวัน

5. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เนื่องจากคาเฟอีนเป็นสารที่กระตุ้นการขับน้ำออกจากร่างกาย โดยการหลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนในช่วงรอมฎอนช่วยให้ร่างกายห่างไกลจากภาวะขาดน้ำได้มากยิ่งขึ้น

อิฟตาร์ (Iftar) คือมื้ออาหารที่ชาวมุสลิมรับประทานเพื่อละศีลอด หลังจากพระอาทิตย์ตกดินในช่วงเดือนรอมฎอน โดยจะเป็นช่วงที่ชาวมุสลิมได้เติมเต็มสารอาหารให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูจากการอดอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารในช่วงอิฟตาร์อย่างสมดุล ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระยะยาว โดยมีคำแนะนำดังต่อไปนี้

1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมากเกินความจำเป็น ในช่วงระหว่างการถือศีลอด หลายท่านอาจรู้สึกหิวมาก เนื่องจากงดอาหารมาตลอดทั้งวัน ส่งผลให้เกิดการรับประทานอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย ดังนั้น เพื่อสร้างสมดุลให้กับร่างกาย จึงควรรับประทานอาหารแต่พอดี โดยเริ่มมื้ออาหารด้วยการรับประทานอาหารเบา ๆ อย่างเช่น ซุป หรือ อินทผาลัม เป็นต้น

2. จำกัดการรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต เนื่องจากการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนก่อให้เกิดอันตรายต่อภาวะสุขภาพได้ นอกจากนี้ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงยังรบกวนการนอนหลับ จึงอาจทำให้เกิดการพักผ่อนไม่เพียงพอได้เช่นเดียวกัน

3. เลือกรับประทานอาหารจำพวก อบ หรือต้ม แทนอาหารจำพวกทอดอาหารไขมันต่ำช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องอืดและภาวะกรดไหลย้อน

4. รับประทานอาหารอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ เคี้ยวอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักจนเกินไป มีเวลาในการย่อยและดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น

5. หลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังมื้ออาหาร ควรเว้นระยะประมาณ 3 ชั่วโมงจากมื้ออาหารก่อนที่จะเข้านอน

6. เดินหลังจากรับประทานอาหาร จะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และยังช่วยส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้นได้

“งานเสวนา ‘Wellness for Ramadan’ จัดขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับพี่น้องชาวมุสลิมในช่วงเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ เราให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ภายใต้ศาสตร์แห่ง Wellness ที่ช่วยให้ทุกท่านสามารถรักษาสมดุลของสุขภาพ พร้อมเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ในระหว่างการถือศีลอด หวังว่างานเสวนานี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนที่ช่วยให้ทุกท่านมีสุขภาพที่ดีและสามา รถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสมบูรณ์ตลอดเดือนรอมฎอน” นายแพทย์ตนุพล กล่าว