นายสรวงมณฑ์ สิทธิสมาน ประธานอนุกรรมการเกี่ยวกับการเฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการสร้างความตะหนักรู้และรับมือกับภัยคุกคามทางสื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ จากจากการเสวนาสัญจรเพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อใน 5 ภูมิภาคที่ผ่านมา พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มวัย ทำให้ผู้ใช้สื่อเป็นทั้งผู้รับและผู้ผลิตเนื้อหาไปพร้อมกัน ปัญหาที่พบในพื้นที่ ได้แก่
การถูกหลอกลวงผ่านกลุ่ม LINE และ Facebook เช่น การขายสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ การหลอกให้รัก หลอกให้ลงทุน หลอกให้เล่นพนันออนไลน์ รวมไปถึงการปล่อยข้อมูลข่าวลวง เพื่อให้เกิดผลกระทบเสียหายในพื้นที่
ขณะที่ในปัจจุบัน AI ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลิตและเผยแพร่สื่อ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อหาโดยอัตโนมัติ การคัดกรองข้อมูล หรือแม้แต่การสร้างข่าวปลอมและเนื้อหาบิดเบือน ความสามารถของ AI ในการเลียนแบบและประมวลผลข้อมูลทำให้การตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลซับซ้อนยิ่งขึ้น ส่งผลให้ประชาชนต้องมีความรู้เท่าทัน AI เพื่อป้องกันตนเองจากข่าวปลอมและข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
“การรู้เท่าทันสื่อ และ AI จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้สามารถเข้าใจและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นายสรวงมณฑ์ กล่าวอีกว่า ยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลก้าวหน้าอย่าง รวดเร็ว สื่อออนไลน์กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและเผยแพร่ได้อย่างง่ายดาย ท่ามกลางโอกาสในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ยังมีสื่อที่ไม่ปลอดภัย บิดเบือน และเป็นอันตรายแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ดี กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้ดำเนินโครงการงานเสวนาสัญจรเกี่ยวกับการส่งเสริมการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อ 5 ภูมิภาค ระยะที่ 2 ภายใต้แนวคิด รู้จัก รู้ใช้ รู้ทัน รู้รอบสื่อ AI เพื่อการขับเคลื่อนสังคม เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สื่ออย่างปลอดภัย สร้างสรรค์ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
รวมถึงพัฒนากลไกเฝ้าระวังและปรับใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการป้องกันสื่อที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสังคมที่มีภูมิคุ้มกันทางสื่อ และสามารถใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
นายจิติภัทร์ บุญสม อนุกรรมการเกี่ยวกับการเฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัยและไม่สร้างสรรค์ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่าปัจจุบันเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารไปถึงประชาชนได้โดยตรงและรวดเร็ว และมีสื่อที่ไม่จริงหรือสื่อที่สร้างความแตกแยกในสังคมค่อนข้างมาก การเสวนาวันนี้ จึงเป็นการสร้างความเข้มแข็งและการตื่นตัวที่จะเฝ้าระวังสื่อที่ไม่ปลอดภัย