มลพิษทางอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดของโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นและการใช้พลังงานสูง คุณภาพอากาศที่ย่ำแย่ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาในระดับท้องถิ่น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจในระดับโลกด้วย ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ที่เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การเผาขยะ และการใช้รถยนต์ ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณภาพอากาศในเมืองใหญ่ทั่วโลกเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว
รายงานจาก IQAir เผยรายชื่อเมืองที่เผชิญวิกฤตอากาศแย่ที่สุด โดยมีการจัดอันดับตามค่า AQI (Air Quality Index) หรือดัชนีคุณภาพอากาศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า 20 เมืองใหญ่ที่มีอากาศแย่ที่สุดกระจายอยู่ในภูมิภาคเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง
(ข้อมูล ณ เวลา 11.00 น. 25 มกราคม 2568)
ในรายงานเดียวกัน กรุงเทพฯ ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 11 โดยมีค่า AQI 166 เทียบเท่ากับเมืองใหญ่อื่นๆ อย่างมุมไบ ประเทศอินเดีย และมีระดับมลพิษในหมวด "ไม่ดีต่อสุขภาพ" ซึ่งหมายถึงอากาศที่ไม่เหมาะสมต่อทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว
วิกฤตฝุ่น PM2.5 เกิดจากหลายปัจจัย เช่น การจราจรที่คับคั่ง การเผาไหม้เชื้อเพลิงในอุตสาหกรรม และการเผาขยะในพื้นที่โดยรอบ นอกจากนี้ สภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวยังเป็นตัวกระตุ้นให้มลพิษสะสมตัวในอากาศมากขึ้น
คุณภาพอากาศที่ย่ำแย่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชน การสัมผัสกับ PM2.5 เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ ปัญหานี้ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจผ่านการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข และลดประสิทธิภาพการทำงานของประชาชน