Kick off แก้จนให้คนกรุง-ลดเหลื่อมล้ำ "ดร.ยุ้ย" ขับเคลื่อน กทม. เมืองน่าอยู่

10 ส.ค. 2565 | 16:45 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ส.ค. 2565 | 23:45 น.

Kick off แก้จนให้คนกรุง-ลดเหลื่อมล้ำ ดร.ยุ้ยขับเคลื่อน กทม. เมืองน่าอยู่ ระบุจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการจากหลายภาคส่วนจึงจะสำเร็จ

ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และงบประมาณ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำจึงเป็นนโยบายต้นๆ ที่ทางทีมงาน ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. เร่งขับเคลื่อนในทุกมิติไปพร้อมๆ กัน  โดยลำพังหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่จะเข้ามาแก้ไขคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการร่วมไม้ร่วมมือจากหลายภาคส่วนจึงจะทำให้สำเร็จได้ 

 

ทั้งนี้ ล่าสุดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “Kick off การแก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำกรุงเทพมหานคร” (เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตพระโขนง และ เขตคันนายาว)  ได้มีการดำเนินการร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติงาน

 

โดยนำร่องศึกษาในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตพระโขนง และเขตคันนายาว ซึ่งสะท้อนคนจนใน กทม. เพราะย่านนี้ที่ดินมีราคาสูง คนจนที่มีรายได้น้อย ไม่สามารถเข้าถึงได้ ไม่มีกรรมสิทธิ์ อยู่อาศัยหลากหลายทั้งแบบเช่า เช่าช่วงต่อ 
 

โดยข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีครัวเรือนที่มีรายได้น้อยประมาณ 1,000 กว่าครัวเรือน และว่างงานอีกกว่า 1,000 คน ซึ่งการสำรวจประกอบด้วยคณาจารย์ นักวิจัย นักปฏิบัติการจากหลายหน่วยงาน การร่วมมือของภาคีเครือข่าย และพัฒนาหาทางช่วยเหลือคนจน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กรอบการทำงาน 

 

  • การสอบทานข้อมูล หรือ สถานะความยากจนของคนจนและครัวเรือนเป้าหมาย  

 

  • การดำเนินฐานทุนหรือศักยภาพในการพัฒนาตนเอง หรือแก้ไขปัญหาความจนของคนจนและครัวเรือนเป้าหมาย โดยมีเป้าหมายที่จะเก็บข้อมูลอย่างน้อย 19,000 ครัวเรือนตามพื้นที่นำร่อง  

 

Kick off แก้จนให้คนกรุง-ลดเหลื่อมล้ำ

 

  • การวิเคราะห์เปรียบเทียบฐานทุน บริบทของพื้นที่กับสถานะความเป็นอยู่ของคนจนและครัวเรือนเป้าหมาย 

 

  • การวิจัยโครงการและดำเนินการแก้ไข ส่วนนี้เองที่กรุงเทพมหานครจะมีบทบาทที่สำคัญอย่างมากในการร่วมปรับปรุงเครื่องมือให้สอดคล้องกับบริบทของเมืองกรุงเทพฯ รวมไปถึงการเชื่อมโยงกลไกกับหน่วยงานภาคีเพื่อแก้ไขความยากจน   
     

สำหรับโครงการฯ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นโครงการวิจัย โครงการ 3 ต่อเนื่องจากโครงการ 1 และ 2  ในระดับจังหวัด มีระยะเวลาในการศึกษารวม 3 ปี ขณะนี้เริ่มเก็บข้อมูลไปแล้ว 3 เดือน โดยมีเครือข่ายอาสาในพื้นที่ช่วยเก็บข้อมูล กรอบการศึกษาเน้น 5 เรื่อง ได้แก่ มิติทุนมนุษย์ ทุนทางกายภาพ ทุนการเงิน ทุนทรัพยากรธรรมชาติและทุนทางสังคม 

 

"โครงการวิจัยนี้มีประโยชน์อย่างมาก เราจึงอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการรับฟัง และนำมาปฏิบัติไม่ว่าจะช่วยให้คนยากจนมีบ้าน ช่วยให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน และช่วยพัฒนาให้มีอาชีพที่ดีขึ้น ความเหลื่อมล้ำทุกวันนี้สูงเป็นสีขาว ดำเลย กทม. เรามีเป้าหมายเดียวกัน จึงต้องเรียนรู้จากงานวิจัย เพื่อทำให้กรุงเทพฯ อย่างน้อยมีสีเทากว่านี้หน่อยก็ยังดี”

 

อย่างไรก็ดี สะท้อนให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นทำนโยบายเรื่องความยากจนกับผู้ว่ากทม. มาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ เพราะเห็นว่ากรุงเทพมีความเหลื่อมล้ำสูงมากโดย 2 ปีที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ชุมชน และเห็นปัญหามากมาย โดยในยุคนี้ผู้ว่าฯ “ชัชชาติ” ประกาศเรื่อง 9 ดี ก่อนจะเข้ามาเลือกตั้ง และ 1 ใน 9 ดี คือ เศรษฐกิจดี ส่วนใหญ่เน้นแก้ความเหลื่อมล้ำ และคนจนเมือง 
 

ดร.เกษรา กล่าวอีกว่า คนจนเมืองเกิดขึ้นเกือบทุกที่ในระบบทุนนิยม กรุงเทพฯ จึงไม่ต่างจากที่อื่น แต่สิ่งที่ต้องการบอกคือ กทม. ยุคนี้เราตั้งใจ และมีความจริงจังที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาคนจนเมือง แต่ลำพัง กทม. ทำได้ไม่หมด เพราะ กทม. ไม่ได้เป็นผู้กำหนดนโยบายแต่เราเป็นจ้าของพื้นที่ จึงมีส่วนสำคัญที่น่าจะเป็นส่วนช่วยเหลือแพลตฟอร์ม ของการทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ จังๆ ได้

 

โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายการร่วมมือร่วมใจในครั้งนี้นับว่าเป็นความมุ่งมั่นของคนทำงานทุกฝ่าย ทุ่มเทสุดกำลังเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน และเมื่อใดที่โครงการสำเร็จ เมื่อนั้นกรุงเทพมหานครจะเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง