เสนอ ผู้ว่ากทม. แปลงโฉม'อาคารเก่า' ปล่อยเช่า นศ.จบใหม่ ปลุกอสังหาฯ

01 ส.ค. 2565 | 13:34 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ส.ค. 2565 | 20:43 น.

CBRE วิพากษ์ นโยบาย 9 ด้าน ของ ผู้ว่า กทม. 'ชัชชาติ สิทธิพันธุ์' เห็นพ้อง คืนชีพ สตรีทฟู้ด ปลุกกำลังซื้อชาวออฟฟิศ ฟื้นบรรยากาศอสังหาฯ พร้อมเสนอ แปลงโฉมอาคารเก่า ปล่อยเช่า นักศึกษาจบใหม่เชิงพาณิชย์

1 สิงหาคม 2565 – นับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เริ่มทำงานอย่างต่อเนื่องภายใต้ 216 นโยบาย (ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก) โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคน   นโยบายดังกล่าวครอบคลุม 9 ด้าน ได้แก่

  • ความปลอดภัยสาธารณะ 
  • ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ 
  • สิ่งแวดล้อม 
  • เศรษฐกิจ 
  • การขนส่งสาธารณะ 
  • สุขภาพ 
  • โครงสร้างพื้นฐาน
  • แผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน 
  • การศึกษา 
  • การบริหารจัดการ  

ส่องนโยบายผู้ว่ากทม.ต่อภาคอสังหาฯไทย 

ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ให้ความเห็นว่า ด้วยประสบการณ์ของผู้ว่าฯ ในฐานะอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  จึงเป็นที่คาดว่านโยบายมีแนวโน้มที่จะส่งผลในทางที่ดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะมาจากมุมมองของผู้ที่มีความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมืองในกรุงเทพฯหลายนโยบายมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายขนส่งสาธารณะ ในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายและแก้ไขปัญหาในระดับ "เส้นเลือดฝอย" ไปในเวลาเดียวกัน แต่ยังมีนโยบายที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่เราเชื่อว่าจะส่งผลอย่างมากต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

เสนอ ผู้ว่ากทม. แปลงโฉม\'อาคารเก่า\' ปล่อยเช่า นศ.จบใหม่ ปลุกอสังหาฯ

นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “นโยบายหนึ่งที่จะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการพัฒนาเมืองหากมีการนำมาบังคับใช้ คือ นโยบายในการแก้ไขการวางผังเมืองและกฎหมายควบคุมอาคารให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน    ข้อบังคับหลายเรื่องค่อนข้างล้าสมัยแล้วและไม่ได้สอดคล้องกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาด้านการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ

เสนอ ผู้ว่ากทม. แปลงโฉม\'อาคารเก่า\' ปล่อยเช่า นศ.จบใหม่ ปลุกอสังหาฯ

เสนอคืนสตรีทฟู้ดและสร้างศูนย์อาหาร

หลายคนกล่าวว่ากรุงเทพฯ ได้สูญเสียเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์เรื่องร้านอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ดไปแล้ว  เมื่อมีข้อกำหนดในการดูแลความสะอาดเรียบร้อยของทางเท้าโดยไม่ได้จัดหาพื้นที่ใหม่ให้พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องย้ายออกจากพื้นที่เดิม    นโยบายใหม่นี้ไม่เพียงมีเป้าหมายที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อจัดหาพื้นที่สำหรับหาบเร่แผงลอยที่เหมาะสมในเมืองเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการจัดถนนคนเดินในพื้นที่ที่มีผู้คนเดินเท้าหนาแน่นอีกด้วย


กรุงเทพฯ จะฟื้นคืนสตรีทฟู้ดและสร้างศูนย์อาหารในทำเลต่าง ๆ ซึ่งให้ความสะดวกต่อพนักงานในอาคารสำนักงานและผู้อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่ ส่งผลให้ทำเลนั้น ๆ มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้อสังหาริมทรัพย์โดยรอบและผู้ที่มาเยือน     นอกจากนี้ หากจะเพิ่มเติมจากนโยบายของผู้ว่าฯ ชัชชาติ  ซีบีอาร์อีเชื่อว่าการควบคุมดูแลเรื่องความสะอาดของพื้นที่และอาหารจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในการส่งเสริมและยกระดับอาหารข้างทางสู่มาตรฐานสากล รวมถึงส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของชาวกรุงเทพฯ และผู้ที่มาเยือน


" อัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในกรุงเทพฯ ได้ส่งผลให้บัณฑิตจบใหม่จำนวนมากต้องนำรายได้ส่วนใหญ่ไปจ่ายค่าที่พักและค่าเดินทาง ทำให้มีเงินเหลือสำหรับการออมและการใช้จ่ายอื่น ๆ เพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ"

 

แปลงอาคารเก่า สู่ ที่พักอาศัยชั่วคราว 

หนึ่งในนโยบายของผู้ว่าฯ ชัชชาติ คือการสร้างที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับนักเรียนนักศึกษาจบใหม่ (Housing Incubator) ที่มีอายุ 18-25 ปีให้สามารถเช่าอาศัยได้ด้วยค่าเช่าที่ต่ำเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้สามารถประหยัดเงินได้มากขึ้นและตั้งตัวได้  แผนงานที่วางไว้คือการแปลงอาคารเก่าที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในเชิงพาณิชย์แล้วหรืออาคารที่รอการพัฒนาในย่านใจกลางธุรกิจให้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้จะส่งผลโดยตรงต่อตลาดให้เช่าที่พักอาศัยทั่วกรุงเทพฯ ทำให้การแข่งขันเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีผลต่อราคาค่าเช่าที่พักอาศัยที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักศึกษาจบใหม่

 

ยังมีอีกหลายนโยบายของผู้ว่าฯ ที่เราจะต้องรอดูว่าจะมีการดำเนินการตามแผนที่วางไว้หรือไม่ และนโยบายใดบ้างที่จะดำเนินการเป็นอันดับแรก ๆ    แต่สิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ คือ ความชัดเจนมากขึ้นของการจัดการงบประมาณและนโยบายรายเขตที่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่รอการแก้ไขทั่วกรุงเทพฯ    สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้คือส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชน และหวังว่าสโลแกนของผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์จะเป็นไปตามที่ตั้งไว้ว่า ทำงาน ทำงาน ทำงาน