สธ.เตรียมชง ศบค.ชุดใหญ่ เคาะปรับลดวันรักษา-กักตัวโควิด

05 ก.ค. 2565 | 12:00 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2565 | 19:09 น.

สธ.เตรียมชง ศบค.ชุดใหญ่ เคาะปรับลดวันรักษา-กักตัวโควิดเป็น 5+5 ในวันที่ 8 ก.ค. นี้ ชี้เป็นเรื่องดีที่ สธ.ออกเอกสารประกาศแจ้งเตือน "โควิดระลอกใหม่"ทั่วประเทศ ให้เตรียมความพร้อมในการรับมือ

5 กรกฎาคม 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมเสนอศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 8 ก.ค. นี้

โดยจะขอลดจำนวนวันในกระบวนการรักษาเป็น 5+5 วัน โดยใน 5 วันหลัง เป็นการสังเกตอาการ และสามารถออกไปข้างนอกได้

 

สำหรับการประกาศโควิดเป็น "โรคประจำถิ่น" ต้องให้ ศบค. ประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องพิจารณาทั้งทางการแพทย์ สาธารณสุข และกฎหมาย ที่ต้องดูควบคู่กันให้รอบคอบ โดยเฉพาะการเยียวยา เชื่อว่าภายหลังจากการประกาศเป็นโรคประจำถิ่น การใช้ชีวิตของประชาชนก็ยังคงเป็นไปตามปกติ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร

นพ.โอภาส ยังระบุว่า ช่วงนี้ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มาจาก 2 ปัจจัย คือ จากกิจกรรม และงานเลี้ยงสังสรรค์ และจากเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ BA.4 และ BA.5 ที่ติดเชื้อเร็วขึ้นแต่ความรุนแรงไม่มาก ซึ่งภาพรวมของประเทศขณะนี้ ผู้ป่วยหนักไม่ได้เพิ่มมากขึ้น และเตียงรองรับผู้ป่วยยังมีเพียงพอ

 

ส่วนกรณีที่ สธ. ออกเอกสารประกาศแจ้งเตือนทั่วประเทศ ให้เตรียมความพร้อมในการรับมือโควิดระลอกใหม่นั้น นพ.โอภาส กล่าวว่า เป็นการแจ้งเตือน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีการเตรียมพร้อมไว้ตามมาตรการปกติ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยเองก็ได้มีการออกประกาศเตือนเช่นกัน

 

ส่วนกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ว่า รักษาอาการโควิด-19 และกักตัวไม่ครบ แต่ออกมาทำงาน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา ยืนยันว่า การรักษาและกักตัวของนายอนุทินครบ 10 วัน ซึ่งได้ทำการรักษาเป็นเวลา 7 วันและอีก 3 วัน

 

ได้สังเกตอาการ สามารถออกมาทำงาน โดยเวลาเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีอาการเป็นจุดเริ่มต้น ไม่ได้นับจากวันที่มีผลตรวจจากห้องแลป และยืนยันว่าการที่นายอนุทินได้ออกมาทำงาน มีการเว้นระยะห่างตามมาตรการ