7 แนวทางดันโควิด19ในประเทศสู่โรคประจำถิ่นมีอะไรบ้าง ไทยพร้อมไหม อ่านเลย

06 พ.ค. 2565 | 16:52 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ค. 2565 | 23:52 น.

7 แนวทางดันโควิด19ในประเทศสู่โรคประจำถิ่นมีอะไรบ้าง ไทยพร้อมไหม อ่านเลยที่นี่มีคำตอบ รมช.สาธารณสุขชี้จะเป็นโอกาสสร้างรายได้ สร้างงาน และประเทศจะมีรายได้จากการเก็บภาษีมากขึ้น

โควิด19 สู่โรคประจำถิ่นเป็นนโยบายที่ประเทศไทยตั้งเป้าหมายจะทำให้ได้ภายในวันที่ 1 ก.ค. แต่จะเป็นไปในทิศทางดังกล่าวได้จะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง 

 

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ทิศทางและนโยบายด้านสุขภาพเพื่อเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่นของประเทศไทยนั้น สอดคล้องกับข้อเสนอขององค์การอนามัยโลกที่มาจัดกิจกรรมทบทวนการเตรียมความพร้อมในภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า กรณีโควิด-19 (Covid-19) ของประเทศไทย ซึ่งมี 7 เรื่อง ได้แก่ 

 

  • การเพิ่มการลงทุนเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งที่ผ่านมาเรามีไทยชนะ หมอชนะ รวมถึง “หมอพร้อม” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจากเป๋าตัง มีข้อมูลมากกว่า 25 ล้านการลงทะเบียน นอกจากนี้ ครม.กำลังหารือทำแพลตฟอร์มแห่งชาติ ภายใต้กรอบวงเงินอนุมัติ 7 พันล้านบาท เพื่อทำข้อมูลกลางที่มีความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

 

  • การเตรียมพร้อมรับมือการระบาดครั้งต่อไปและพัฒนาบุคลากรสหสาขา ทั้งโรคทั่วไป โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ภาวะลองโควิดและมิสซี 
  • การดูแลกลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงการรักษาตามสิทธิ 

 

  • ยกระดับการพึ่งพาตนเองด้านยา วัคซีน ชุดตรวจ และเวชภัณฑ์ ซึ่งขณะนี้ไทยมีวัคซีน 3 ตัวที่ก้าวหน้าคือ วัคซีนขององค์การเภสัชกรรม วัคซีนใบยา และวัคซีนของจุฬาฯ 

 

  • การจัดการขยะทางการแพทย์หรือขยะติดเชื้อ ซึ่งที่ผ่านมามีการปลดล็อกกฎหมายให้เตาเผาขยะนิคมอุตสาหกรรมใช้เผาขยะติดเชื้อได้ชั่วคราว  

 

7 แนวทางดันโควิด19ในประเทศสู่โรคประจำถิ่น

 

  • พัฒนากลยุทธ์การบูรณาการข้อมูล ซึ่ง ศบค.มีการรวบรวมข้อมูลหน่วยงานต่างๆ นำมาสู่การตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน 

 

  • การค้นหา บันทึก และเผยแพร่ตัวอย่างที่ดี รวมทั้งบทเรียนสำคัญในการจัดการกับภาวะระบาดใหญ่

 

นายสาธิต กล่าวต่อไปอีกว่า ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์โรคโควิด 19 ได้อย่างดี ส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือของโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะเรื่องการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงระยะทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง ทั้งผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยในโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิต
 

สำหรับการเดินหน้าสู่โรประจำถิ่นนั้น แม้องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนและยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องการกลายพันธุ์ แต่จากการติดตามยังเป็นการกลายพันธุ์ย่อยที่ไม่มีผลเรื่องความรุนแรงและการแพร่ที่รวดเร็ว

 

ส่วนประเทศไทยมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่จะเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งหากดำเนินการได้ตามนั้นก็พร้อมที่จะเดินหน้าตามเป้าหมายคือช่วงกรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

 

“เมื่อโควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่น จะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ สร้างงาน และประเทศจะมีรายได้จากการเก็บภาษีมากขึ้น ส่วนจะผ่อนคลายมาตรการและการปฏิบัติตัว เช่น การถอดหน้ากากอนามัย ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสถานการณ์ หัวใจสำคัญคือ ต้องก้าวข้าม อยู่กับโควิดอย่างเข้าใจ รู้เท่าทัน และเดินหน้าเศรษฐกิจให้ได้”