เด็กเล็กติดโควิด น่าห่วง พบสถิติเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีติดแล้วตายเกินครึ่ง

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ทำให้มีจำนวนผู้ติดโควิดที่เป็นเด็กเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก โดยในระลอกเดือนม.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของเด็กที่เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งกลุ่มนี้ยังไม่มีวัคซีนฉีด 

ดังนั้นจึงขอให้ผู้ปกครองฉีดวัคซีนเพื่อลดการนำเชื้อสู่ลูกหลาน ขณะที่ รัฐบาลได้จัดระบบดูแลผู้ป่วยเด็กเล็กไว้พร้อมแล้ว รวมถึงเตรียมการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับเด็กระดับมัธยม ช่วงอายุ 12-17 ปี ผ่านระบบสถานศึกษาเริ่มพฤษภาคม และสถานพยาบาลเริ่มได้ทันที

ทั้งนี้จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ระบุสถานการณ์ผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย โดยเฉพาะเด็กเล็ก พบว่า ตั้งแต่เดือนม.ค.-เม.ย. มีจำนวนเด็กเล็กที่เสียชีวิตแล้วหลายราย ส่วนมากเป็นเด็กเล็กอายุ 0-5 ปี มีจำนวน 28 ราย และอายุ 6-18 ปี จำนวน 17 ราย 

สำหรับการป้องกันดูแลกลุ่มเด็ก มีดั้งนี

• กลุ่มเด็กเล็ก 0-5 ปี ที่ติดเชื้อและมีโรคอื่นร่วม กระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบพร้อมให้การรักษาที่โรงพยาบาล ทุกเขตสุขภาพเตรียมความพร้อมเรื่องเตียง บุคลากร และระบบส่งตัวเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยเด็กที่มีอาการรุนแรง 
• กลุ่มอายุ 5-11 ปี เร่งรัดการฉีดวัคซีน ผ่านระบบสถานศึกษา
• กลุ่ม 12-17 ปี ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค แนะนำให้เด็กกลุ่มนี้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม เข้ารับวัคซีน Pfizer เข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 ขนาดโดสปกติ หรือ ครึ่งโดส มีระยะห่างจากเข็มที่ 2 เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 4-6 เดือน ขึ้นไป โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดการให้บริการต่าง ๆ ดังนี้

• การฉีดผ่านสถานศึกษา จะฉีดให้ในปริมาณครึ่งโดส เริ่มดำเนินการวันที่ 9 พ.ค.เป็นต้นไป และหากมีความประสงค์ต้องการฉีดเพิ่มอีกครึ่งโดส สามารถรับการฉีดได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
• การฉีดผ่านสถานพยาบาล เด็กที่ประสงค์ฉีด เมื่อครบกำหนดรับเข็มกระตุ้น สามารถติดต่อขอรับบริการที่สถานพยาบาลใกล้บ้านได้ทันที จะเป็นวัคซีนไฟเซอร์ปริมาณครึ่งโดสหรือเต็มโดสก็ได้