โควิดโอมิครอนทลายกำแพงเมืองจีนจ่อผ่อนนโยบาย Zero Covid

22 เม.ย. 2565 | 03:13 น.
อัปเดตล่าสุด :22 เม.ย. 2565 | 06:27 น.
506

โควิดโอมิครอนทลายกำแพงเมืองจีนจ่อผ่อนนโยบาย Zero Covidื หลังมาตรการเข้มงวดไม่ได้ผลดีเหมือนเดิมอีก ชี้เริ่มมีการยอมรับการติดเชื้อ

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

โควิดจาก Omicron (โอมิครอน) บุกประเทศจีนอย่างหนัก จนกระทบมาตรการ Zero Covid ซึ่งจีนอาจต้องเปลี่ยนแปลงนับเป็นประเทศสุดท้ายของโลก

 

นับจากวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ซึ่งพบเคสแรกของโควิดที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน

 

และต่อมาได้มีการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว และมีอัตราการเสียชีวิตในช่วงนั้นสูงถึง 5%
ทำให้จีนต้องใช้มาตรการที่ทั้งเข้มงวด รวดเร็ว จนสามารถคุมสถานการณ์ได้ดี เป็นที่ยอมรับทั่วโลก

 

เมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่ประเทศต่างๆ ติดเชื้อสะสมนับล้านคน แต่จีนกลับมีผู้ติดเชื้อสะสมไม่ถึงแสนคนและเสียชีวิตเพียง 4000 คนเศษ

 

ทั้งนี้จากนโยบาย Zero Covid ซึ่งต้องใช้มาตรการ Lockdown ที่รวดเร็ว เข้มงวด และกว้างขวาง
 

ซึ่งผลการดำเนินตามมาตรการดังกล่าว ทำให้สามารถคุมจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิดได้เป็นอย่างดี เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก

 

และสามารถรับมือโควิดทุกระะลอกได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ไวรัสอู่ฮั่น อัลฟ่า และเดลตามาโดยตลอด

 

ส่วนประเทศที่ใช้นโยบาย Zero Covid อย่างเข้มแข็ง ก็เริ่มทยอย ยกเลิกกันไปเป็นลำดับ เมื่อมีไวรัส Omicron ระบาด

 

โดยประเทศสุดท้ายที่ต้องผ่อนปรนก็คือ นิวซีแลนด์

 

จีนจ่อผ่อนนโยบาย Zero Covid

 

ธรรมชาติของไวรัส Omicron ติดง่ายและแพร่เร็วกว่าเดลตา 4-8 เท่าประกอบกับ

 

ผู้ติดเชื้อ 50% จะไม่มีอาการ 

 

45% มีอาการเล็กน้อย

 

5% มีอาการปานกลางถึงหนัก

 

จึงส่งผลให้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อมากมาย

 

สหรัฐอเมริกาเคยติดเชื้อสูงสุดมากกว่าวันละ 1,000,000 คน

อังกฤษ ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้ติดเชื้อมากกว่าวันละ 100,000 คน

 

ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมนับ 10,000,000 คนในแต่ละประเทศ

 

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ประเทศจีนยังถือว่าใช้มาตรการ Zero Covid คุมได้เป็นอย่างดี

 

โดยดำเนินการล็อกดาวน์ทันทีในเมืองหรือชุมชนที่ตรวจพบเชื้อ แม้เพียงรายเดียว
ทำการตรวจหาผู้ติดเชื้ออย่างกว้างขวาง รวดเร็ว และให้ทราบผลตรวจทุกคนเท่าที่ทำได้ แม้ในเมืองที่มีประชากรนับ 1,000,000 คน

 

สร้างโรงพยาบาลสนาม หรือที่กักตัวอย่างรวดเร็ว

 

และหลายครั้งมีการอพยพย้ายคนนับ 10,000 คน ออกไปจากบริเวณที่มีการระบาด

 

โดยมาตรการดังกล่าว ทำให้นโยบาย Zero Covid ของจีน ยังคงเดินหน้าเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และทำให้ประเทศจีนสามารถมีการเดินทางไปมาหาสู่กันได้เป็นอย่างดี

 

จีนจ่อผ่อนนโยบาย Zero Covid

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่เดือนมีนาคม 2565 ไวรัส Omicron ก็ได้เริ่มออกฤทธิ์ในประเทศจีน ทำให้มีการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ซึ่งมีประชากรกว่า 25,000,000 คน

 

แม้จะใช้มาตรการที่เข้มงวดเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้ผลดีเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะไวรัส Omicron มีคนติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการมากถึงครึ่งหนึ่ง จึงทำให้ควบคุมยาก

 

ขณะนี้ประเทศจีน มีผู้ติดเชื้อสะสมรวมแล้ว 193,953 ราย เสียชีวิตสะสม 4663 ราย

 

เฉพาะในระลอก Omicron ที่เมืองเซี่ยงไฮ้เมืองเดียว มีผู้ติดเชื้อสะสม 35,079 ราย และเสียชีวิต 24 ราย

 

ทำให้ทั่วโลกเฝ้าจับตามองว่า จีนจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการ Zero Covid ซึ่งกระทบกับวิถีชีวิตและเศรษฐกิจเป็นอย่างมากไหวหรือไม่

 

จนมีเสียงสะท้อนจากบางส่วนของคนในเซี่ยงไฮ้ว่า ไม่อยากให้ล็อกดาวน์แบบเข้มข้น เพราะยังไงก็ต่อสู้กับ Omicron ลำบาก

 

แต่รัฐบาลจีนก็ยังคงเดินหน้าที่จะใช้นโยบาย Zero Covid ต่อไป

 

ล่าสุดเพิ่งพบสัญญาณเป็นครั้งแรกจากเซี่ยงไฮ้ว่า อาจจะยอมรับให้มีการติดเชื้อ Omicron ได้บ้าง ไม่หวังให้เป็นศูนย์ก็ได้ ดังนี้

 

  • พบว่าในเขตที่ล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น 4,000,000 คน ได้ผ่อนคลายมาตรการลงแล้ว
  • ได้เริ่มมีการเปิดโรงงานบางส่วน จำนวน 666 แห่ง
  • เขตที่ล็อกดาวน์บางส่วน จำนวน 12,000,000 คน ก็เริ่มอนุญาตให้ออกจากบ้านได้

 

โดยทางเมืองเซี่ยงไฮ้ จะยอมให้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มได้ แต่จะให้มีได้เฉพาะในบริเวณที่มีการกักตัวเป็นโซนพื้นที่เข้มงวดเท่านั้น

 

จะไม่ยอมให้เกิดการติดเชื้อรายใหม่ในบริเวณที่ไม่ใช่พื้นที่กักตัว

 

นับเป็นการส่งสัญญาณผ่อนคลายเป็นครั้งแรก ที่น่าจะส่งผลกระทบต่อมาตรการ Zero Covid ของประเทศจีน ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงประเทศเดียวในโลก
กล่าวโดยสรุป

 

  • ไวรัส Omicron แพร่เชื้อง่ายมาก รวดเร็ว และกว้างขวางขึ้น
  • ผู้ติดเชื้อไวรัส Omicron มีอาการน้อย ทำให้ประชาชนรู้สึกถึงประโยชน์ที่ได้จากการล็อกดาวน์แบบเข้มงวดว่า อาจจะไม่คุ้ม
  • เกือบทุกประเทศเริ่มยอมรับการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก แต่คุมผู้เสียชีวิตให้อยู่ในจำนวนที่พอยอมรับได้ มากกว่าการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดเพื่อคุมไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเลย
  • ขณะนี้เหลือเฉพาะประเทศจีน ที่ยังคงมาตรการ Zero Covid แต่กำลังมีบททดสอบอย่างรุนแรง และเริ่มมีสัญญาณว่า จีนอาจจะจำเป็นต้องเปลี่ยนนโยบาย จากกรณีศึกษาเมืองเซี่ยงไฮ้