สธ.ไฟเขียวให้บ้านพักคนชรา ขออนุญาตเป็น Nursing Home Isolation ได้

19 เม.ย. 2565 | 18:20 น.
อัปเดตล่าสุด :20 เม.ย. 2565 | 01:18 น.
548

กรม สบส. ออกประกาศ Nursing Home Isolation ให้กิจการการดูแลผู้สูงอายุ ขออนุมัติเป็นสถานพยาบาลชั่วคราว เพื่อดูแลผู้ป่วยอาการน้อยที่ติดเชื้อโควิดอยู่ในบ้านพักคนชรา

19 เมษายน 2565 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวในระหว่างการเปิดประชุมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงว่า กิจการการดูแลผู้สูงอายุฯ หรือที่มักเรียกกันว่า Nursing Home จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นเพราะประเทศไทยได้ก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ มีประชากรสูงอายุนับเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน ผู้ประกอบการจึงต้องมาช่วยกันพัฒนาคุณภาพ และรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อพร้อมรองรับผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ติดเชื้อเร็ว แพร่เชื้อง่าย ทำให้กรม สบส. ห่วงใยผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานดูแลต่างๆ หากเกิดการติดเชื้อและไม่ได้รับการดูแลที่มีมาตรฐาน อาจทำให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้นั้น

กรม สบส. จึงออกประกาศกรม เรื่อง กำหนดสถานที่อื่นเป็นสถานพยาบาล ณ ที่พำนักของผู้ป่วยประเภท Community Isolation พ.ศ. 2565 โดยกำหนดให้สถานประกอบกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 เป็นสถานพยาบาล ณ ที่พำนักของผู้ป่วย ประเภท Community Isolation ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาก่อนหน้านี้

โดยกิจการการดูแลผู้สูงอายุฯที่ประสงค์จะเป็นสถานพยาบาล(เป็นการชั่วคราว)ตามประกาศดังกล่าว ต้องได้รับอนุมัติจากกรม สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โดยผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิงที่ได้รับการวินิจฉัยว่า ติดเชื้อโควิด 19 ไม่ว่าจะด้วยจากการตรวจ ATK หรือ RT-PCR ต้องมีการแยกกักตัวอย่างเหมาะสม มีความปลอดภัยในสถานดูแล  (Nursing Home Isolation) ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ระหว่างรอการส่งตัวไปยังโรงพยาบาล ในกรณีที่เตียงโรงพยาบาลเหลือน้อยหรือไม่เพียงพอ หรือดูแลจนกว่าอาการทุเลาหรือหายขาดจากโรค

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี กรม สบส. กล่าวว่า กรณีพบว่ามีผู้สูงอายุติดเชื้อโควิด 19 ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ผู้ประกอบการต้องรายงานผลการติดเชื้อต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ทันที และประสานส่งต่อผู้สูงอายุที่ติดเชื้อไปยังสถานพยาบาลที่ผู้ป่วยนั้นมีสิทธิการรักษา

ในระหว่างรอการส่งต่อหรือจำเป็นต้องพักรักษาตัวในสถานดูแลเนื่องจากเตียงในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ จะต้องจัดแยกโซนการดูแลออกเป็น 3 โซน คือ ผู้ติดเชื้อ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง(PUI) และผู้สูงอายุปกติ กำหนดให้มีการเข้าออกคนละทาง ต้องเป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเท ระบายอากาศได้ดี เป็นระบบปรับอากาศแยกส่วน ต้องตั้งทีมดูแลผู้สูงอายุเฉพาะกิจแยกจากทีมที่ดูแลผู้สูงอายุปกติ

เตรียมระบบสื่อสารกับคนไข้ เช่น Line หรือ Telemedicine ประสานงานโรงพยาบาลคู่สัญญาให้จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดค่าออกซิเจนปลายนิ้ว ยาหรือเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการดูแลผู้สูงอายุ แจ้งญาติงดเยี่ยมผู้สูงอายุที่ติดเชื้อทุกกรณี ให้เยี่ยมผ่านระบบออนไลน์แทน

ต้องมีการประเมินอาการรายวัน และรายงานอาการของผู้ป่วยให้โรงพยาบาลหรือแพทย์เจ้าของไข้ทราบ และประสานส่งต่อเร่งด่วนกรณีผู้สูงอายุมีอาการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง หรือเกิดอันตรายต่อชีวิต