โอละพ่อ! โอมิครอนสายพันธุ์ที่ 2 แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม-พบแล้ว 40 ประเทศ

24 ม.ค. 2565 | 10:34 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ม.ค. 2565 | 00:19 น.
6.5 k

โอละพ่อ โอมิครอนสายพันธุ์ที่ 2 จะแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม หมอเฉลิมชัยเผยพบสายพันธุ์ย่อยที่ 2 แล้วใน 40 ประเทศ และพบอย่างชัดเจนในประเทศเดนมาร์กและอังกฤษ

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

 

 

เหนื่อยใจจริง ไวรัสโอมิครอน (Omicron) สายพันธุ์ย่อยที่ 2 (BA.2) ทำท่าจะแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์หลักเดิม (BA.1)

 

 

 

ในขณะที่หลายประเทศในทวีปยุโรปประสบกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วกว้างขวางของไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์หลักหรือสายพันธุ์ย่อยที่ 1 (BA.1) จนเข้าสู่พีคของการระบาดในระลอกใหม่อย่างรวดเร็ว

 

 

 

ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อวันละนับ 100,000 ราย โดยที่มีผู้ป่วยหนักจำนวนไม่มากนักเมื่อคิดเป็นร้อยละเทียบกับเดลตา แต่ถ้าคิดเป็นรายบุคคลหรือรายเตียงก็เป็นภาระกับระบบสุขภาพมากพอสมควร
 

ขณะนี้รัฐบาลบางประเทศเชื่อว่า โควิดโดยโอมิครอนได้ผ่านพีคแล้ว และกำลังวางแผนจะผ่อนคลายมาตรการต่างๆลง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป
ในวงการวิทยาศาสตร์ของยุโรปกำลังไม่แน่ใจในแนวทางดังกล่าว

 

 

 

เพราะเริ่มพบข้อมูลบางอย่างของไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ 2 ที่เรียกว่าสายพันธุ์ล่องหน (Stealth) ทำท่าจะแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์ย่อยที่ 1

 

 

 

โดยขณะนี้พบไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่ 2 แล้วใน 40 ประเทศ และพบอย่างชัดเจนในประเทศเดนมาร์กและอังกฤษ

 

 

 

โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ 2 จะแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์หลักเดิม

 

 

 

UKHSA : UK Health Security Agency หน่วยงานทางด้านสาธารณสุขของอังกฤษ ได้จัดให้ไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่ 2 (BA.2) เป็น VUI : Variant Under Investigation เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

สายพันธุ์ย่อยที่ 2 นี้ พบเมื่อ 6 ธันวาคม 2564 โดยจุดที่แตกต่างกับสายพันธุ์ย่อยที่ 1 คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่ง 69 และ 70

ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้การตรวจ PCR สงสัยทันทีว่าจะเป็นไวรัสโอมิครอน และนำไปสู่การถอดรหัสจีโนมเพื่อยืนยันได้

 

 

 

เมื่อการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งดังกล่าวไม่พบในสายพันธุ์ย่อยที่ 2 การตรวจ PCR ก็จะไม่สงสัยว่าเป็นโอมิครอน จึงเรียกว่าสายพันธุ์ล่องหน คือตรวจได้ยากขึ้น

 

 

 

ไวรัสโคโรนาซึ่งก่อโรคโควิด จะมีวิวัฒนาการและการกลายพันธุ์ไปเรื่อยเรื่อย เนื่องจากเป็นไวรัสสายพันธุ์เดี่ยว มนุษย์จึงต้องติดตามรายละเอียดเรื่องต่างๆอยู่ตลอดเวลา

 

 

 

ไวรัสโอมิครอน (Omicron) หรือ B. 1. 1.529 ขณะนี้ค้นพบ 3 สายพันธุ์ย่อยได้แก่ BA.1 , BA.2 , BA.3 โดยสายพันธุ์ย่อย BA.1 เป็นสายพันธุ์หลักในขณะนี้ เพราะมีความสามารถในการแพร่ระบาดที่รวดเร็วที่สุด ได้เกิดการระบาดไปแล้วกว่า 160 ประเทศทั่วโลก

 

 

 

อย่างไรก็ตามในขณะนี้ เริ่มพบว่ามีบางประเทศพบ BA.2 แพร่ระบาดเร็วกว่า BA.1 เช่นในประเทศเดนมาร์กเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ติดโควิดเป็นสายพันธุ์ BA.2 ตามมาด้วยประเทศอังกฤษ นอร์เวย์ และสวีเดน

 

 

 

แต่อย่างไรก็ตามในสายพันธุ์ย่อยที่สอง BA.2 ซึ่งทำท่าจะแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง BA.1 ก็พบว่าทำให้อัตราการนอนโรงพยาบาลไม่แตกต่างกัน หรือความรุนแรงในการก่อโรคไม่ได้เพิ่มขึ้น

 

 

 

ส่วนการดื้อต่อวัคซีนจะเป็นอย่างไรจะต้องติดตามกันต่อไป

 

 

 

ถ้าสายพันธุ์ BA.2 แพร่เร็วกว่าจริง ก็จะเกิดการระบาดกลายเป็นสายพันธุ์หลักแทนสายพันธุ์ BA.1 แต่ยังคงเป็นไวรัส Omicron อยู่

 

 

 

ในกรณีที่โชคดี สายพันธุ์ BA.2 มีความรุนแรงหรือการดื้อต่อวัคซีนเท่าเดิม ทุกอย่างก็จะเป็นในลักษณะของ Omicron ในปัจจุบัน

 

 

 

แต่ถ้าโชคไม่ดี สายพันธุ์ BA.2 มีความรุนแรงหรือการดื้อต่อวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ก็จะกลายเป็นสถานการณ์ที่มีการระบาด ที่นอกจากจะกว้างขวางรวดเร็วแล้ว ยังจะมีการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรือการดื้อต่อวัคซีนเกิดขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นวิกฤติของโลกอีกครั้งหนึ่ง

 

 

 

ทำให้ความหวังเรื่องโรคประจำถิ่นเลือนลางและห่างไกลออกไปอีก

 

 

 

คงจะต้องติดตามข่าวโดยเฉพาะเรื่องทางระบาดวิทยาของไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่สอง (BA.2) กันอย่างใกล้ชิดต่อไป เหนื่อยใจจริง

 

 

 

สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยวันที่ 24 มกราคม 2565 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น    7,139  ราย  

 

 

 

ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 ม.ค.65) 161,204 ราย  เสียชีวิตเพิ่ม 13 ราย หายป่วยเพิ่ม 8,100 ราย กำลังรักษา 82,485 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 ม.ค.65) 111,615 ราย