เปิดเหตุความจำเป็นที่ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 กระตุ้นเข็ม 3 คลิกที่นี่

22 พ.ย. 2564 | 08:08 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2564 | 15:07 น.

หมอยงเผยเหตุผลความจำเป็นที่ต้องมีการกระตุ้นฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็ม 3 ระบุเวลานี้มีการระบาดอย่างมากในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกาที่มีการฉีดวัคซีนในอัตราสูง

รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.ยง  ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) โดยมีข้อความว่า
โควิด-19 วัคซีน ความจำเป็นที่ต้องมีการกระตุ้นเข็ม 3 
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกดังแสดงในรูป จะเห็นว่าการระบาดของโรค covid-19 ในขณะนี้มีการระบาดอย่างมากในทวีปยุโรป และรองลงมาคืออเมริกา ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ได้รับวัคซีนในอัตราที่ค่อนข้างสูง และวัคซีนที่ใช้จะอยู่ในกลุ่ม mRNA และ virus vector 

ในทวีปยุโรปจำนวนผู้ป่วย  ขณะนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่รายงานทั้งโลก แสดงให้เห็นว่าหลังฉีดวัคซีนมายาวนานถึง 6 เดือนหรือกว่านั้น ก็ยังมีการระบาดของโรคเป็นจำนวนมาก

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้หลายประเทศได้ตระหนักถึง การลดลงของภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนที่ผ่านมา และความจำเป็นของการกระตุ้นเข็มที่ 3  มีหลายประเทศเริ่มมีการให้เข็มที่ 3 กันมากขึ้นเพื่อลดการระบาดของโรคลง 
สำหรับประเทศไทย ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในสิ้นเดือนนี้การฉีดวัคซีนทั้งประเทศ น่าจะได้ครบหรือใกล้เคียง 100  ล้านโดส และภายในสิ้นปีนี้ประชากรไทยได้ครบ 2 เข็ม อย่างน้อยไม่น้อยกว่า 70% และถ้าได้มากกว่า 80% ก็ยิ่งดี  สิ่งที่จะต้องคำนึงต่อไปคือการให้เข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นให้ภูมิต้านทานขึ้นสูงและอยู่นาน ตามหลักการของการให้วัคซีน เช่นการให้วัคซีนในเด็กจำเป็นจะต้องมีเข็มกระตุ้นเสมอ เพื่อจะได้ให้ภูมิขึ้นสูงและคงอยู่นาน 

ความจำเป็นในการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3
และต้องตระหนักว่าถึงฉีดวัคซีนครบ 2 หรือ 3 เข็มก็ตาม วัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ลดการเกิดโรค ความรุนแรงของโรคได้ ลดการเสียชีวิต เราคงยังต้องปฏิบัติตัวในวิถีชีวิตใหม่ต่อไป

สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.- 20 พ.ย. 64 มีการฉีดสะสมแล้วทั้งหมด 88,803,596 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 46,646,938 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 39,101,640 ราย  และเข็มที่ 3 จำนวน 3,055,018 ราย