จี้รัฐบาลหนุน “ยาสมุนไพรไทย” ลุยตลาดโลกมูลค่า 5.57 ล้านล้านบาทต่อปี

06 ต.ค. 2564 | 20:48 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2564 | 04:05 น.

รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ จี้รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข ผลักดัน ตำรับยาแผนไทย เข้าในบัญชียาหลักมากขึ้น เน้นเพิ่มองค์ความรู้ พัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ตรงกับความค้องการ ตลาดโลก

วันนี้ (6ต.ค.64) เนชั่น ทีวี จัดงานสัมมนา Thai Herbs สมุนไพร สร้างภูมิ เสริมเศรษฐกิจ หนึ่งในหัวข้อคือ “แพทย์แผนไทย ทางเลือก-ทางรอด  สุขภาพ” โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรไทย จากองค์การเภสัชกรรม และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงนักวิชาการ

 

รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของสหประชาชาติ อาจารย์ประจำวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต เปิดเผยว่า เศรษฐกิจตกต่ำอย่างไรแต่ธุรกิจสมุนไพรไม่ตกเพราะเป็นที่ต้องการในตลาดโดยมูลค่าตลาดโลกอยู่ที่ 5.57 ล้านล้านบาทต่อปี ในจำนวนนี้แบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 3 ประเภทหลักคือ 1.ยาสมุนไพร ส่วนแบ่งการตลาด 61% อาหารเสริม 30% และเครื่องสำอาง 9%

 

สำหรับประเทศไทย มีมูลค่าการตลาดประมาณ 3 แสนล้านบาทต่อปี แต่มูลค่าอันดับหนึ่งเป็นของกลุ่มเครื่องสำอางที่ 54% ซึ่งสวนทางกับตลาดโลก ขณะที่ยาสมุนไพรไทยที่อยู่ในบัญชียาหลักยังน้อยเกินไป

 

จากตำรับยาแผนไทย 40,541 ตำรับ ในจำนวนนี้มียาสมุนไพรไทยอยู่ในบัญชียาหลักเพียง 84 ตำรับ จึงอยากให้รัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เร่งศึกษาและร่วมมือทำงานในแต่ละขั้นตอนอย่างจริงจัง โดยต้องมีองค์ความรู้ พร้อมส่งเสริมการผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลก พร้อมเพิ่มมูลค่าการส่งออก ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน 

“ในยุโรปใช้ยาสมุนไพรมากที่สุดในโลกถึง 50% แต่ยุโรปกลับทำยาเคมีส่งออกไปขาย ดังนั้ยรัฐบาลควรพัฒนาระบบยาสมุนไพรไทย โดยแพทย์แผนไทย เพราะตลาดโลกยังมีความต้องการอยู่มาก เพื่อการต้านโรคและบำรุงร่างกาย ที่สำคัญไทยต้องพัฒนายาให้สู้กับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ ซึ่งสมุนไพรไทยหลายตัวมีสรรพคุณอยู่แล้ว” รศ.ดร.สุรพจน์ กล่าว

ปัจจุบันสมุนไพรไทยที่ได้รับความนิยม โดยติดอยู่ในท็อป 40 ของโลก คือ ขมิ้นชัน ว่านหางจระเข้ หญ้าหวาน ส้มแขก อบเชย และขิง