วัคซีนโควิด อัพเดทล่าสุดไทยพัฒนาวัคซีนไปถึงไหนเเล้ว เช็คเลย

01 ต.ค. 2564 | 09:00 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2564 | 15:21 น.

"วัคซีนโควิด" หลายคนอาจจะอยากรู้ว่าตอนนี้วัคซีนโควิดที่วิจัยเเละพัฒนาโดยทีมนักวิจัยไทย ไปถึงไหนเเล้ว วันนี้ฐานเศรษฐกิจจะพาไปส่องอัพเดทล่าสุดไทยพัฒนาวัคซีนไปถึงไหนเเล้ว

สถานการณ์โควิดระบาดมาตั้งแต่ต้นปี 2563 หลายหน่วยงานด้านวัคซีนทั้งภาครัฐและเอกชนได้ระดมสรรพกำลังในทุกด้านร่วมกันเป็น “ทีมประเทศไทย” เพื่อวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิดหลายชนิด

ประเทศไทยมีนักวิจัยด้านวัคซีนที่มีศักยภาพ และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลและทุกภาคส่วน ในการเดินหน้าวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิดให้สำเร็จได้

“วัคซีนโควิด” อัพเดทล่าสุดไทยพัฒนาวัคซีนไปถึงไหนเเล้ว

 

วัคซีน Chula-Cov 19

วัคซีน Chula-Cov 19 วัคซีนโควิดชนิด mRNA เริ่มทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 1/2 ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

ผลการทดสอบ

ในอาสาสมัคร 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอายุ 18-55 ปี จำนวน 36 ราย และกลุ่มอายุ 56-75 ปี จำนวน 36 ราย ฉีดวัคซีน 2 เข็มห่างกัน 3 สัปดาห์

ผลเบื้องต้นในกลุ่มอายุ 18-55 ปี พบว่าวัคซีนกระตุ้นภูมิกันได้ดี ไม่พบอาการข้างเคียงที่รุนแรง อาสาสมัครมีอาการข้างเคียงเล็กน้อยถึงปานกลาง อาการจะดีขึ้นภายใน 1 ถึง 2 วัน

อาการที่พบ

เป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น และมักพบภายหลังการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2

การทดสอบในขั้นนี้ได้ทำการทดสอบในประชากรจำนวนน้อย และยังต้องติดตามผลความปลอดภัยในประชากรที่มากขึ้น ส่วนในกลุ่มอายุ 55-75 ปี ยังอยู่ระหว่างการทดสอบ

คาดว่าจะทราบผลเบื้องต้นในกลางเดือนหน้า และอยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อเตรียมการทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 2 ต่อไป

เตรียมความพร้อมขยายกำลังการผลิตวัคซีน และคาดว่าจะสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนให้กับบริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนระดับอุตสาหกรรมในประเทศได้ในไตรมาสแรกของปี 2565 พร้อมกันนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาวัคซีน Chula-Cov 19-2  ซึ่งเป็นวัคซีนรุ่นที่ 2 ที่ตอบสนองต่อเชื้อไวรัสกลายพันธุ์

วัคซีนโควิดใบยา

วัคซีนโควิด ชนิด Protein subunit จากระบบการผลิต recombinant protein โดยการตัดต่อพันธุกรรมของแบคทีเรียที่ก่อโรคในพืช (Agrobacterium) ในใบยาสูบ ของบริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม บริษัท startup ในเครือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผลการทดสอบ

ได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความเป็นพิษในสัตว์ทดลองเรียบร้อยแล้ว ได้มีการปรับสูตรวัคซีนให้สามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน

ก่อนทำการทดสอบวัคซีนในมนุษย์ บริษัทได้สร้างโรงงานผลิตวัคซีนระดับอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการผลิตวัคซีนจากระบบดังกล่าว คาดว่าจะมีกำลังการผลิตจำนวน 1-5 ล้านโดสต่อเดือน โดยใช้ระยะเวลาในการสร้างโรงงานรวม 10 เดือน

ปัจจุบันวัคซีนอยู่ในระหว่างการทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 1 โดยได้เริ่มฉีดให้กับอาสาสมัครจำนวน 4 รายแรก ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ยังไม่พบข้อกังวลด้านความปลอดภัย และจะดำเนินการฉีดให้กับอาสาสมัครรุ่นแรกที่เหลืออีก 12 ราย

ทีมวิจัยยังได้พัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 โดยปรับปรุงสูตรด้วยการใช้ Adjuvant ชนิดใหม่ ทำให้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น และมีการพัฒนาจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์มากกว่า 10 รูปแบบ เพื่อพัฒนาเป็นวัคซีนผสม (Cocktail vaccine) ซึ่งวัคซีนรุ่นที่ 2 นี้อยู่ระหว่างการทดสอบในสัตว์ทดลอง

วัคซีนต้นแบบของ สวทช. แบบพ่นจมูก

วัคซีนชนิด Viral Vector แบบพ่นจมูก วิจัยพัฒนาในสองรูปแบบ ได้แก่ การใช้ Adenovirus เป็นพาหะ (Adenovirus based) และการใช้ไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นพาหะ (Influenza based) 

Adenovirus based อยู่ระหว่างการทดสอบในหนูทดลอง ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไวต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยเป็นการเลียนแบบช่องทางการติดเชื้อในธรรมชาติ ทำให้มีการสร้างภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินหายใจ และเปรียบเทียบกับการฉีดวัคซีน

Adenoviral Vector เข้ากล้ามเนื้อ ผลการทดลองเบื้องต้นพบว่าหนูทดลองสร้างภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินหายใจได้ดีเทียบเท่ากันทั้งรูปแบบการให้วัคซีนทางการพ่นจมูกและฉีดเข้ากล้ามเนื้อ

Influenza based เป็นการประยุกต์ใช้ให้วัคซีนสามารถป้องกันได้ทั้งโรคไข้หวัดใหญ่และโควิดได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งวัคซีนชนิดนี้อยู่ระหว่างเตรียมการทดสอบในหนูทดลองซึ่งจะเป็นการให้วัคซีนแบบพ่นจมูก โดยการพัฒนาวัคซีนโควิดแบบพ่นจมูกนี้  มีทีมวิจัยจากหลายประเทศทั่วโลกใช้วิธีนี้

แผนการขยายกำลังการผลิตวัคซีนชนิด Adenovirus based สวทช. ได้มีความร่วมมือกับบริษัท คินเจนไบโอเทค ส่วนวัคซีนชนิด Influenza based เป็นความร่วมมือระหว่าง สวทช. และองค์การเภสัชกรรม

วัคซีน HXP-GPOVac

วัคซีนโควิดขององค์การเภสัชกรรมเป็นวัคซีนที่พัฒนามาจากไวรัสนิวคาสเซิล (NDV) ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนโปรตีนส่วนหนามของไวรัสโคโรนา (Hexapro) จากการเพาะเลี้ยงไวรัสในไข่ไก่ฟักได้ เป็นเทคโนโลยีที่องค์การเภสัชกรรมสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในการผลิต

เกิดจากความร่วมมือของหลายหน่วยงานระหว่างประเทศ ได้แก่ สถาบัน PATH สหรัฐอเมริกา และโรงเรียนแพทย์ Mount Sinai ในนิวยอร์ก และมหาวิทยาลัยเท็กซัส และได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนชนิดนี้ให้กับหลายหน่วยงาน รวมถึงองค์การเภสัชกรรมด้วย

ปัจจุบันองค์การเภสัชกรรมได้เผยแพร่ผลงานวิจัยของการทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ใช้อาสาสมัครในขั้นนี้จำนวน 210 ราย

ผลการทดสอบ

พบมีผลข้างเคียงอยู่ในระดับน้อยและสามารถหายได้เอง อาการทั่วไปที่พบได้แก่ ปวด บวม บริเวณที่ฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ วัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี

วัคซีน HXP-GPOVac อยู่ระหว่างการเตรียมทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 2 คาดว่าจะทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 3 ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 และจะสามารถขอขึ้นทะเบียนวัคซีนได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565

วัคซีนโควิด Covigen

วัคซีนโควิดชนิด DNA โดย บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ผู้พัฒนา ดำเนินการตั้งแต่การวิจัยพัฒนาในห้องปฏิบัติการจนกระทั่งถึงการทดสอบในสัตว์ทดลอง ทั้งหมดใช้ระยะเวลา 90 วัน

ผลการทดสอบ

เป็นวัคซีนรุ่นแรก ได้เข้าสู่การทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 1 ที่ออสเตรเลีย ในช่วงเดือนเมษายน 2564 และต่อมาบริษัทได้เริ่มการพัฒนาวัคซีนต่อไวรัสกลายพันธุ์ในช่วงเดือนพฤษภาคม

สำหรับการทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 1 ในประเทศไทยจะสามารถดำเนินการได้ในไตรมาสแรกของปี 2565

รับถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีนโควิดชนิด Adenoviral vector จากแอสตร้าเซนเนก้า

ได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินการ โดยใช้ระบบการผลิตในเซลล์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แบคทีเรียหรือยีสต์

ที่มา : สถาบันวัคซีนเเห่งชาติ