นายกตู่ เปิดทางเอกชนเจรจาซื้อ “วัคซีน” โควิด-19 ภาครัฐรับลูกเร่งจัดซื้อ

24 ก.ค. 2564 | 17:27 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ค. 2564 | 00:45 น.
10.5 k

นายกฯ เปิดทางเอกชนเจรจาซัพพลายเออร์สั่งซื้อวัคซีน พร้อมให้ภาครัฐรับลูก เร่งรัดดำเนินการจัดซื้อ เหตุระบาดหนักทำทั่วโลกแย่งซื้อวัคซีน ขณะที่ออร์เดอร์ “ไฟเซอร์” 40 ล้านโดสใกล้เป็นจริง หลังเซ็นสัญญาแล้ว

การแพร่ระบาดที่ยังคงลุกลามอย่างหนักของโควิด-19 จากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ทำให้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อทะลุหลักหมื่นต่อเนื่อง ขณะที่ระบบสาธารณสุขไทยเข้าขั้นวิกฤติเมื่อโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน

 

รวมถึงโรงพยาบาลสนามต่างเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อส่งผลให้เกิดวิกฤติเตียงเต็ม มีผู้เสียชีวิตในบ้าน บนท้องถนน กลายเป็นตัวเร่งให้รัฐบาลต้องรีบจัดหา “วัคซีน” ประสิทธิภาพสูง จากความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน

 

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศ ไทย เปิดเผยผ่านรายการ NEWS ROOM ว่า จากการร่วมประชุมหารือระหว่างรัฐบาลโดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและ 40 ซีอีโอ  เรื่อง การแก้ไขปัญหาโควิดนั้น

 

ความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนเพื่อนำมาฉีดให้กับคนไทยนั้น นายกฯแสดงความเป็นห่วงและกังวลเรื่องการจัดหาวัคซีน พร้อมฝากให้นักธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทเอกชน ซัพพลายเออร์ผู้ผลิตช่วยเจรจาและเมื่อได้ข้อตกลงทางรัฐบาลจะรีบดำเนินการจัดซื้อ เพราะตอนนี้โรคระบาดทั่วโลก ต้องแย่งซื้อวัคซีน

วัคซีนไฟเซอร์

“ท่านนายกฯ มีความตั้งใจมาก บอกว่าถ้าพวกเราช่วยกันหาวัคซีนได้ไหม และถ้าพวกเรามีเพื่อน ที่ไหนที่มั่นใจว่าสามารถจะหาวัคซีนที่มีคุณภาพและก็ได้รับการ approved จากทาง WHOแล้วรีบมาบอกเลย ทางรัฐบาลจะเร่งรัดในการที่จะทำการนำเข้า”

 

สำหรับความคืบหน้าในการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งเป็นวัคซีน mRNA ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ได้สูง และมีการสั่งนำเข้ามาฉีดให้กับคนไทยจำนวนทั้งสิ้น 60 ล้านโดส

 

แบ่งเป็น การนำเข้าโดยหน่วยงานภาครัฐร่วมกับเครือรพ.ธนบุรี จำนวน 40 ล้านโดส และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่ลงนามสัญญากับไฟเซอร์ (ประเทศไทย) และไบออนเทค ไปแล้วจำนวน 20 ล้านโดสนั้น

วัคซีนไฟเซอร์

แหล่งข่าวจากวงการสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ข้อตกลงการทำสัญญาระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับตัวแทนของบริษัท ไฟเซอร์ฯ และไบออนเทค เรียบร้อยแล้ว เป็นการยืนยันได้ว่ามีการสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 40 ล้านโดส

 

โดยจะทยอยนำเข้ามาภายในเดือนก.ค. นี้ ต่อเนื่องจนถึงปีหน้า ซึ่งรายละเอียดต่างๆ จะต้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เป็นตัวแทนดำเนินการสั่งซื้อในฐานะตัวแทนภาครัฐเป็นผู้ให้ข้อมูล

 

“การนำเข้าครั้งนี้เป้าหมายคือการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มด่านหน้าที่มีความเสี่ยงสูง หลังจากที่พบว่ากลุ่มนี้แม้จะได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มแต่ยังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันขณะเดียวกันวัคซีนไฟเซอร์นี้จะมาช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น

 

ซึ่งวันนี้คนไทยควรจะได้รับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่ว่าจะฉีดเป็นเข็มที่ 1 หรือเข็มที่ 2 หรือจะเป็นบู๊สเตอร์ก็ได้เช่นกัน”

 

แหล่งข่าวยืนยันว่า การนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 40 ล้านโดส จะเป็นคนละส่วนกับที่สาธารณสุขเป็นผู้นำเข้า ซึ่งการนำเข้ามาเพิ่มขึ้นถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะช่วยทำให้การฉีดวัคซีนในประเทศไทยได้มากและคิดเป็น 70% ตามเป้าหมายที่วางไว้

วัคซีนโมเดอร์นา

ขณะที่การเซ็นสัญญาสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นาระหว่างองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กับบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด เกิดขึ้นแล้วในวันที่ 23 ก.ค. ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมที่วางแผนไว้ เบื้องต้นจะนำเข้าลอตแรกจำนวน 5 ล้านโดสภายในไตรมาส 4 นี้ โดยแบ่งเป็นวัคซีนของสมาคมโรงพยาบาลเอกชน 3.9 ล้านโดส และสภากาชาดไทย 1 ล้านโดสและโรงพยาบาลรามาธิบดีและศิริราช โรงพยาบาลละ 50,000 โดส และล่าสุดสภากาชาดไทยได้สั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นาจากซิลลิค ฟาร์มา โดยตรงเพิ่มขึ้นอีก 5 ล้านโดสโดยจะมีการส่งมอบในปี 2565 ด้วย