ถอดบทเรียนดื่มแล้วขับ ผลกระทบทางสังคมกับกระบวนการยุติธรรมไทย

13 ส.ค. 2563 | 15:48 น.

สสส.-ศวปถ. ร่วมถกบทเรียนความสูญเสียจากเหตุเมาชนคน พร้อมเสนอการถ่วงดุลตำรวจ-อัยการ-ศาล สร้างความเชื่อมั่นตั้งแต่ต้นทาง ด้าน "ดร.ปริญญา" แนะทุกภาคส่วนต้องร่วมหารือและหาแนวทางใหม่เพื่อออกกฎหมายเพิ่มโทษเมาแล้วขับ

วันที่ 13 ส.ค. 63 เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตร่วมกับ เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) จัดเสวนาหัวข้อ“ดื่มแล้วขับ ผลกระทบทางสังคม กับกระบวนการยุติธรรมไทย" ทั้งนี้เพื่อถอดบทเรียนผลกระทบทางสังคมจากคดีเมาแล้วขับ พร้อมเสนอให้มีการแก้ปัญหาดื่มแล้วขับอย่างเร่งด่วน 


นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าวว่า สถิติการดำเนินคดีขับรถในขณะเมาสุราปี 2562ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2562 เฉพาะเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์มี 33,339 คดี เทียบกับปี 2561 มี 57,048 คดี ลดลงไป 23,709 คดี ขณะที่ปี 2563สถานการณ์ผู้ขับขี่ดื่มแล้วขับที่บาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.พบว่ามีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปี 2562 โดยมีสาเหตุจากมาตรการล็อกดาวน์ช่วงระบาดโควิด-19 แต่หลังจากมีมาตรการผ่อนปรนหลังวันที่ 3 พ.ค.ตัวเลขอุบัติเหตุเริ่มมีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้น


 อย่างไรก็ตามมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 62มีมูลค่าความเสียหาย 77,510 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีมูลค่าความเสียหาย 59,592 ล้านบาท ลดลง 17,917 ล้านบาท 


“แม้สถานการณ์อุบัติเหตุบ้านเราจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ แต่คดีเมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายและเสียชีวิต หลายคดียังมีช่องว่างทางกฎหมาย ผู้ก่อเหตุไม่ได้รับโทษอย่างที่ควรจะเป็นจึงขอสนับสนุนให้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพในคดีจราจร โดยเฉพาะการใช้หลักฐานวิทยาศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือกว่าพยานบุคคลมาหักล้างคำกล่าวอ้าง  และควรจัดให้มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลในกระบวนการยุติธรรม ระหว่างตำรวจ อัยการ และศาล สร้างความเชื่อมั่นทางคดีตั้งแต่กระบวนการต้นทาง และควรกำหนดเป้าการสุ่มตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ให้มากขึ้น” 
 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ด้าน ผศ.ดร.ปริญญา  เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สมัยก่อนการดื่มแล้วขับเป็นเรื่องปกติของคนในสังคม หลังมีกฎหมายออกมาบังคับร่วมกับการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ทำให้สังคมเกิดการรับรู้และตื่นตัวมากขึ้น เห็นได้จากวัฒนธรรมใหม่ในวงเหล้าที่ต้องมีคนไม่ดื่มหนึ่งคน คอยอาสาขับรถพาเพื่อนกลับบ้าน รวมถึงบริการหาคนขับรถแทน ส่งผลให้ปัจจุบันสถิติการบาดเจ็บและชีวิตของผู้ที่ดื่มแล้วขับลดลง


ขณะเดียวกันคดีเมาแล้วขับหลายคดียังมีช่องโหว่ทางกฎหายที่ทำให้ผู้ก่อเหตุหลุดรอด เป็นโจทย์ที่กระบวนการยุติธรรมต้องนำกลับไปแก้ไขหรือทำคดีตัวอย่างเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้สังคม ป้องกันพฤติกรรมการลอกเลียนแบบ อาทิ หลีกเลี่ยงการตรวจวัดแอลกอฮอล์ รวมถึงการชนแล้วหนี เพื่อถ่วงเวลาให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลดลง 


“เพื่อให้การทำงานที่ผ่านมาไม่สูญเปล่า เราต้องออกมาต่อสู้ผลักดันให้ออกกฎหมายเพิ่มโทษ “ชนแล้วหนี” ดื่มขับต้องโดนจับ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สร้างความเข้าใจในเรื่องของการเยียวยาเหยื่อที่ไม่ใช้แค่เงิน พร้อมสร้างความตระหนักรู้ ในกติกาสังคมควบคู่กับการสร้างบรรทัดฐานให้เกิดขึ้น ดังนั้นทุกกภาคส่วนต้องร่วมหารือ และแนวทางใหม่ให้เกิดการแก้ไขอย่างเร่งด่วน” ผศ.ดร.ปริญญา กล่าว

ถอดบทเรียนดื่มแล้วขับ ผลกระทบทางสังคมกับกระบวนการยุติธรรมไทย
 

นางรัชฐิรัชฎ์ ซุ่นสั้น ภรรยาดาบตำรวจอนันต์ ซุ่นซั้น ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.คลองเต็ง อ.เมืองตรัง เหยื่อจากอุบัติเหตุรถกระบะพุ่งเข้าชนกลุ่มหน่วยกู้ภัยและตำรวจ เสียชีวิตรวม 5ราย กล่าวว่า หลังสามีเสียชีวิต ตนต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แผนอนาคตที่เคยสร้างไว้กับสามี ต้องพังทลายลง ตนอยากเห็นคดีเมาแล้วขับลดลงให้มากที่สุด จึงผันตัวเข้าร่วมทำงานกับภาคีเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต รณรงค์กระตุ้นเตือนสังคมให้เห็นภัยของการดื่มแล้วขับ พร้อมปลุกสามัญสำนึกให้นักดื่มมีสติ เพราะไม่อยากให้ครอบครัวใดสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเพราะคนที่ขาดความรับผิดชอบ


"อยากชวนทุกฝ่ายช่วยกันรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ ไม่ทำร้ายใคร” ให้คนที่ต้องขับรถงดแอลกอฮอล์เด็ดขาดไปเลย"

ถอดบทเรียนดื่มแล้วขับ ผลกระทบทางสังคมกับกระบวนการยุติธรรมไทย
ด้าน พระสุราษฏร์ เตชวโร ผู้เคยก่อเหตุเมาแล้วขับชนนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังเสียชีวิต 2 ราย กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุเมาเหล้าและขับรถชนคนเสียชีวิต ซึ่งในช่วงแรกๆหลังเกิดเหตุตนยังคิดที่จะสู้ มีคนแนะนำมากมายว่าสู้ได้  แต่ในเวลาต่อมาตนได้ทบทวนสิ่งที่เดขึ้นอย่างมีสติ  จนตัดสินใจที่จะยอมรับผลทุกอย่าง ยอมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย โดยตั้งใจเยียวยาให้รายละ 1ล้านบาท


 
อย่างไรก็ตาม ตนทราบดีว่าการชดเชยดังกล่าวเทียบไม่ได้กับการทำให้คนต้องจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร และด้วยความรู้สึกทุกข์ใจบวกกับความรู้สึกผิด จึงตั้งใจบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเยาวชนทั้งสอง และขอใช้โอกาสนี้ผันตัวในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ เผยแพร่เรื่องราวดังกล่าวให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจคนในสังคม  ช่วงที่ผ่านมาก็ได้ไปบรรยายเล่าเรื่องของตนให้กับนักเรียนนักศึกษา เยาวชนกลุ่มต่างๆอย่างต่อเนื่อง