ตลาดหุ้นไทยรับแรงกดดันนโยบายทรัมป์ กูรูชี้พิกัดแนวรับ 1,150 จุด

14 มี.ค. 2568 | 09:46 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มี.ค. 2568 | 09:46 น.

โบรกมองตลาดหุ้นไทย ยังผันผวนในกรอบ 1,150-1,180 จุด อยู่ในช่วงปรับฐาน ท่ามกลางตัวเลขความเชื่อมั่นที่ลดลง แนะเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน เน้นหุ้นโซนล่างที่พื้นฐานดี

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ 14 มี.ค.68 ว่า คาด SET Index ผันผวน ในกรอบ 1,150-1,180 จุด ความกังวลต่อนโยบายภาษีของทรัมป์ยังส่งผลเชิงลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้น

ตลาดหุ้นทั่วโลกยังได้รับแรงกดดันหลักจากประเด็นสงครามการค้าที่เพิ่มมากขึ้น ล่าสุดยังคงเห็นสัญญาณของทรัมป์พยายามจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป เช่น ไวน์ แชมเปญ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ สูงถึง 200% และจะไม่ยกเลิกภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมที่ได้ประกาศไปในสัปดาห์นี้ รวมถึงจะเดินหน้าใช้มาตรการภาษีตอบโต้ต่อคู่ค้าทั่วโลก ซึ่งจะเริ่มเร็วสุดในวันที่ 2 เมษายนนี้

จากประเด็นดังกล่าวทำให้ดัชนี S&P 500 วานนี้ร่วงลงสู่ระดับ 5,521.52 จุด ซึ่งเป็นระดับการปรับฐานลงมาแล้ว 10% จากจุดสูงสุดในรอบนี้ โดยภาพรวมเม็ดเงินช่วงนี้ยังไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตรมากขึ้น สะท้อนจากวานนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ลดลง 4.4 bps สู่ระดับ 4.268%

ด้านตลาดหุ้นไทยก็ยังอยู่ในช่วงการปรับฐานเช่นกัน โดยยังขาดความเชื่อมั่นต่อการลงทุน ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่เด่น เช่น วานนี้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย เดือน ก.พ. ปรับลดลงสู่ระดับ 57.8 จาก 59.0 ในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรก หลังจากฟื้นตัว 4 เดือนติดต่อกัน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังกดดันในระยะสั้น ดังนั้นอาจยังต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยใช้จังหวะ SET ย่อตัว ค่อยตั้งรับหุ้นที่อยู่ในโซนต่ำ ที่ Valuation กลับมาสู่ระดับที่น่าสนใจ

ปัจจัยที่ต้องจับตา

  • 14 มี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นของ US จาก ม.มิชิแกน
  • 19 มี.ค. การประชุม FED, การประชุม BOJ
  • 20 มี.ค. การประชุม BOE

หุ้นเด่นแนะนำ

BDMS (ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 30.00 บาท)

  • ผู้บริหารมองบวกต่อรายได้ค่ารักษาพยาบาลในช่วงไตรมาส 1/68 ที่เติบโตจากผู้ป่วยไทย ที่คาดเร่งขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนรายได้คนไข้ต่างชาติคาดเติบโต 2 หลักเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน
  • ปีนี้คาดกำไรเติบโตราว 8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนภาพระยะยาวมีแนวโน้มเชิงบวกจากแผนการเพิ่มจำนวนเตียง ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าปี 2027-2029 ที่ 9.600 เตียง ผสานการขยายศูนย์การแพทย์ต่างๆ เช่น โรคซับซ้อน, Wellness เป็นต้น