เปิดแผนCPAXT แตกไลน์ธุรกิจอสังหาฯ รุกมิกซ์ยูส The Happitat

17 ธ.ค. 2567 | 18:40 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ธ.ค. 2567 | 18:44 น.

CPAXT แตกไลน์ธุรกิจ ตั้งบริษัทย่อยใหม่ AGP เข้าซื้อหุ้น HATF 100% ลุยลงทุนธุรกิจอสังหาฯ มิกซ์ยูส ภายใต้โปรเจ็กต์ "The Happitat" ยอมควักกระเป๋าเกือบ 8.4 พันล้าน

ตามที่ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ได้จัดตั้งบริษัทย่อยทางตรง บริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด (AGP) โดยถือหุ้นในสัดส่วน 796,999,998 หุ้น หรือคิดเป็น 95% และส่วนที่เหลือ 42,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 5% ถือหุ้นโดยบริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียน 8,390 ล้านบาท

วัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อยทางอ้อมคือ บริษัท แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำกัด (HATF) หรือโครงการ "The Happitat "มีทุนจดทะเบียน 8,390 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้น AGP ถือหุ้นจำนวน 838,999,999 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 100% (ยกเว้นหุ้น 1 หุ้น) เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) ภายใต้ชื่อโครงการ The Happitat ตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ "The Forestias" โดยมีแหล่งเงินทุนที่ใช้จากเงินสดลงทุนและเงินกู้ยืมจากธนาคารและสถาบันการเงิน

ทั้งนี้ ภายในโครงการ The Happitat มีพื้นที่ขนาด 30 ไร่ ประกอบด้วย 1 ศูนย์กลางระบบสาธาณูปโภค (CUP) และ 3 อาคารหลักมีพื้นที่เช่ารวม 7.2 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.) แบ่งเป็น 4.3 หมื่นตร.ม. ทำศูนย์การค้า, 5 พันตร.ม. ทำ Lotus's และ 2.4 หมื่นตร.ม. ทำสำนักงาน เป็นต้น ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 80% และเริ่มเปิดให้บริการในไตรมาส 1/69 เป็นต้นไป

สำหรับบริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC Town Corporation) ซึ่งบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ถือหุ้นทางอ้อม จัดตั้งขึ้นเพื่อร่วมเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการ "The Forestias" ที่เป็นโครงการ Mixed-Use ขนาดใหญ่บนถนนบางนา-ตราด ขนาดพื้นที่รวมกว่า 398 ไร่ ภายในประกอบด้วย 11 ประเภทโครงการ

ภายใน  "The Forestias" ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น โรงแรมแบรนด์ “ซิกส์เซนส์”, ศูนย์การแพทย์และสุขภาพขนาดใหญ่ พื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ พื้นที่สำหรับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร คาเฟ่ Family Center และ Town Center เช่น โรงละคร อีเวนต์ฮอลล์ และพื้นที่กิจกรรมขนาดใหญ่ เป็นต้น

นอกจากนี้ มีอีก 2 บริษัทลูก CPAXT ที่ร่วมลงทุนกับ MQDC และ CPFC (เครือ CPG ) โดย CPAXT ถือหุ้น 37.5% ใน บ. สุขุมวิท ลีฟวิ่ง และ บ. สุขุมวิท มิกซ์ ยูส มีมูลค่าลงทุนตามสัดส่วน 330 ล้านบาท ซึ่งคาดใช้เตรียมพัฒนาโครงการ Mixed-use ที่บริเวณโลตัสอ่อนนุช

โดย บริษัท แม็กโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC มี "ทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์" ลูกสาวคนเล็กของ “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” เจ้าของอาณาจักรเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท และเป็นผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MQDC ขณะที่ "วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์" ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ และ "สุทธา เรืองชัยไพบูลย์" ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท MQDC

ในส่วนของ CPAXT อยู่ภายใต้การนำทัพของ "ศุภชัย เจียรวนนท์" ซึ่งดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น CPAXT 5 อันดับแรก ได้แก่

  1. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 3,640,861,753 หุ้น สัดส่วน 34.91%
  2. บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 2,608,119,739 หุ้น สัดส่วน 25.01%
  3. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 1,663,774,369 หุ้น สัดส่วน 15.96%
  4. บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด จำนวน 922,559,731 หุ้น สัดส่วน 8.85%
  5. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 364,800,899 หุ้น สัดส่น 3.50%

เปิดแผนCPAXT แตกไลน์ธุรกิจอสังหาฯ รุกมิกซ์ยูส  The Happitat

ผลงาน CPAXT  ปี 66

  • รายได้รวม อยู่ที่ 489,949.17 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ 8,644.85 ล้านบาท
  • กำไรสะสม อยู่ที่ 31,928.99 ล้านบาท
  • รวมสินทรัพย์ อยู่ที่ 540,371.08 ล้านบาท
  • เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด อยู่ที่ 31,707.29 ล้านบาท

ผลงาน 9 เดือนปี 67

  • รายได้รวม อยู่ที่ 378,416.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ 6,609.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.0% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
  • กำไรสะสม อยู่ที่ 31,870.24 ล้านบาท
  • รวมสินทรัพย์ อยู่ที่ 531,807.04 ล้านบาท
  • เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด อยู่ที่ 19,821.05 ล้านบาท
  • เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน อยู่ที่ 9,484.61 ล้านบาท

อนึ่ง ปัจจุบัน CPAXT มีจำนวนสมาชิกรวมทั้งสิ้น 25 ล้านราย แบ่งออกเป็น สมาชิกแม็คโคร 4.7 ล้านราย, Lotus's ประเทศไทยมีสมาชิก My Lotus's ประมาณ 17.3 ล้านราย และ Lotus's ประเทศมาเลเซียมีสมาชิก My Lotus's  ประมาณ 3.0 ล้านราย โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวม 1.2 ล้านตารางเมตร และมีจำนวนสาขารวมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งสิ้นกว่า 2,670 สาขา 

ธุรกิจค้าส่งดำเนินการผ่าน Makro มีการขยายธุรกิจใน 9 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย อินเดีย กัมพูชา โอมาน เมียนมาร์ เวียดนาม สิงคโปร์ ฮ่องกง และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีศูนย์จำหน่ายสินค้าทั้งสิ้น 172 สาขา มีพื้นที่จำหน่ายสินค้ามากกว่า 931,266 ตารางเมตร

ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกดำเนินการผ่าน Lotus’s มีจำนวนสาขาทั้งหมด 2,498 สาจา แบ่งเป็นในประเทศ 2,429 สาขา และในมาเลเซีย 69 สาขา มีพื้นที่ให้ดช่าสุทธิ (NPA) ในประเทศไทย 782,361 ตารางเมตร และในมาเลเซีย 325,231 ตารางเมตร