การบินไทยตั้งบอร์ดใหม่ดึง "ปลัดคลัง-กุลยา"ร่วม พร้อมลดทุนล้างขาดทุนทะสม

26 ก.พ. 2568 | 11:12 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.พ. 2568 | 11:26 น.

บมจ.การบินไทย หรือ THAI เตรียมเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติบอร์ดใหม่ นำโดย ลวรณ แสงสนิท  ปลัดกระทรวงการคลัง กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต พร้อมลดพาร์จากหุ้นละ 10 บาทเหลือ 1.30 บาท ลดทุนจดทะเบียนเหลือ 3.67 หมื่นล้านบาท ล้างขาดทุนสะสม

บมจ.การบินไทย (THAI) ประกาศมติที่ประชุมคณะผู้บริหารแผน ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 อนุมัติให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2568 เวลา 13.00 น. ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date) ในวันที่ 14 มีนาคม 2568

วาระสำคัญในการประชุมรวมถึงการพิจารณาอนุมัติจำนวนกรรมการบริษัท 11-12 คน ประกอบด้วยกรรมการปัจจุบัน 3 คน ได้แก่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร และพล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย พร้อมกรรมการใหม่อีก 8-9 คน ประกอบด้วย

1.นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการ

2.ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กรรมการ

3.นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก กรรมการ

4.พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ กรรมการ

5.นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร กรรมการอิสระ

6.นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด กรรมการอิสระ

7.นายสัมฤทธิ์ สำเนียง อดีตผู้บริหาร บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม กรรมการอิสระ

8.นายชาติชาย โรจนรัตนางกูร กรรมการ ตัวแทนจากสหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำกัด

9.นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการ

ทั้งนี้ คณะผู้บริหารเห็นว่าคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการจำนวน 11 คนหรือ 12 คนเห็นว่ามีความเพียงพอและเหมาะสมอันจะทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเสนอให้พิจารณากำหนดรายชื่อกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท 5 คน ได้แก่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร นายลวรณ แสงสนิท ดร.กุลยา ตันติเตมิท และนายชาครีย์ บำรุงวงศ์

การบินไทย ยังแจ้งมติของที่ประชุมคณะผู้บริหารแผนซึ่งอนุมัติการลดทุนด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ของหุ้น THAI เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทางบัญชี ซึ่งเป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยลด Par Value จากหุ้นละ 10.00 บาท เป็นหุ้นละ 1.30 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสม ทางบัญชีของบริษัทฯ ให้ใกล้เคียงศูนย์มากที่สุด ซึ่งจะทำให้ทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัทลดลงจากจำนวน 283,032,915,670 บาท เป็นจำนวน 36,794,279,037 บาท