วันนี้ (วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568) บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) หรือ THAI ประกาศผลประกอบการปี 2567 โดยระบุว่าบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิจำนวน 26,901 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนกำไรสุทธิ 28,123 ล้านบาท
โดยเป็นขาดทุนส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 26,934 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 6.26 บาท ในขณะที่ปีก่อนกำไร 12.87 บาทต่อหุ้น มี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน รวมค่าเช่าเครื่องบินที่ค่านวณจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hour) จำนวน 41,839 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 1,036 ล้านบาท (2.4%)
การขาดทุนที่เกิดขึ้นหลักๆมาจากบริษัทการบินไทยฯ และบริษัทย่อย มีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่ายรวม 49,260 ล้านบาท สาเหตุหลักจากรายการขาดทุนที่เกิดขึ้น มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ ประมาณ 45,271 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลขาดทุนทางบัญชีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
การขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และปรับปรุงสินค้าคงเหลือในกลุ่มที่ไม่มีฝูงบิน หักลบกับการปรับปรุงรายได้บัตรโดยสารและค่าธรรมเนียมบัตรโดยสารที่หมดอายุ
ทั้งนี้ในปี 2567 การบินไทยและบริษัทย่อย มีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 187,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 26,922 ล้านบาท (16.7%) ซึ่งมีรายได้จากกิจการขนส่งที่เพิ่มขึ้น 24,035 ล้านบาท (16.2%)
โดยมีรายได้หลัก มาจากการขนส่งผู้โดยสาร ที่เพิ่มขึ้น 22,231 ล้านบาท (16.7%) รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 1,804 ล้านบาท (11.79%) นอกจากนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากกิจการอื่นเพิ่มขึ้น 1,632 ล้านบาท (17.7%) และมีรายได้อื่นๆเพิ่มขึ้น 1,255 ล้านบาท (34.7%)
เนื่องจากการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน และเส้นทางบินที่ให้บริการ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
ส่วนค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน25,618 ล้านบาท (21.2%) ตามปริมาณการผลิตและ/หรือปริมาณการขนส่ง จำนวนเที่ยวบิน จุดบิน และผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
รวมทั้งจากปัจจัยด้านอื่น เช่น ค่าใช้จ่ายซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการค่าซ่อมที่สูงขึ้นตามจำนวนเครื่องบินที่ใช้ใช้ในการปฏิบัติการบินเพิ่มขึ้น ค่าบริการการบินเพิ่มขึ้น
เนื่องจากอัตราค่าบริการภาคพื้นที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขายและโฆษณาเพิ่มขึ้นตามการจองบัตรโดยสารที่เพิ่มสูงขึ้น
ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เท่ากับ 41,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,304 ล้านบาท (3.2%) มีต้นทุนทุนทางการเงิน(ซึ่งเป็นการรับรู้ต้นทุนทางการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9: TFRS 9) จำนวน 18,78,781ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีก่อน 3,170 ล้านบาท (20.3%)
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า สำหรับผลประกอบการปี 2567 การบินไทยยังคงมีกำไรจากการดำเนินการที่ดี margin เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก แต่ในส่วนของผลประกอบการโดยรวมของบริษัท ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างทุน จากการแปลงหนี้เป็นทุน ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ทั้งภาคสมัครใจ และบังคับตามคำสั่งศาล ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
ขณะที่ราคาหุ้นที่แท้จริง ซึ่งเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด(PP) อยู่ที่ราคา 4.48 บาทต่อหุ้น จากราคาหุ้นที่ต่างกันใน 2 ราคานี้ ส่วนต่างนี้ต้องลงตามมาตรฐานบัญชี จึงกระทบต่อผลประกอบการของการบินไทยในปี 2567 แต่เป็นรายการพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (ONE TIME) และจะไม่กระทบต่อการออกจากแผนฟื้นฟูของการบินไทย
เนื่องจากการบินไทย มีความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินการต่อเนื่องติดต่อกันมา 2 ปีแล้ว
“ปีที่แล้วการบินไทยเป็นสายการบินที่มีกำไร EBIT MARGIN (กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี) มีการเติบโตสูงที่สุดในโลก ปีนี้ก็คาดว่ายังคงมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่เช่นกัน ซึ่งการบินไทยวันนี้มี EBITDA เติบโตแข็งแกร่ง และส่วนของผู้ถือหุ้นยังเป็นบวก ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในแผนฟื้นฟูกิจการ” นายชายกล่าว
ในปี 2567 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังคงดำเนินการตามแผนฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
การปรับปรุงประสิทธิภาพฝูงบิน
การขยายเส้นทางบินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหารายได้จากกิจการขนส่ง
โดยเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไปยังฮ่องกง สิงคโปร์ ไทเป มะนิลา เดนปาซาร์ ซิดนีย์ โตเกียว (นาริตะ) นาโกยา ปักกิ่ง คุนหมิง เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู และภูเก็ต กลับมาให้บริการไปยังเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ และกรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม
รวมทั้งเปิดเส้นทางบินใหม่ไปยังเมืองโกชิ สาธารณรัฐอินเดีย นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเที่ยวบินส่าหรับเทศกาลพิเศษ เช่น เพิ่มความถี่เที่ยวบินในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์ และให้บริการเที่ยวบินพิเศษขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ไปยังราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
การหาประโยชน์จากทรัพย์สินรองที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ