บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE รายงานผลการดำเนินงานปี 67 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 67 อยู่ที่ 630.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.7% อย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน โดยมีสาเหตุจาก ราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น
สอดคล้องไปตามการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทยังคงมีปริมาณการจำหน่าย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าที่เป็น Strategic Partner ในตลาดต่างประเทศ และบริษัทยังมีแผนทำสัญญาทางธุรกิจระยะยาวกับลูกค้ารายใหม่ๆ อีก
ขณะที่รายได้จากการขายและการให้บริการ อยู่ที่ 27,465.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,795.8 ล้านบาท หรือเติบโต 11.3% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์การขายน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) B100 หรือไบโอดีเซล ตลอดจนน้ำมันบรรจุขวด (รินทิพย์) เป็นต้น
โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบมีราคาขายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4/67 จากสภาวะตลาดที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทยปี 67 เฉลี่ยอยู่ที่ราคา 35.51 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) สูง กว่า ปี 66 ถึง 13.5% ส่งผลบวกต่อธุรกิจของบริษัทในภาพรวม
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นเป็น 4.7% จาก 4.4% ในปีก่อน และหากพิจารณาจาก Adjusted GPM โดยรวม ผลกระทบกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 5.0% ปรับตัวดีขึ้นจาก 4.1% ในปีก่อน ในแง่ต้นทุนในการจัดจำหน่ายลดลง 6.9% จากปี 66 จากการขายในต่างประเทศลดลง ทำให้ค่าขนส่งสินค้าส่งออก เพื่อจำหน่ายลดลงตามปริมาณการจำหน่ายและส่งออกที่ลดลง และได้รับผลดีจาก Economy of Scale
ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้ของบริษัทแยกตามธุรกิจนั้น ในปี 67 แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ 98.8% ของบริษัทเป็นรายได้จากธุรกิจน้ำมันปาล์ม และสำหรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทแยกตามภูมิภาค สัดส่วนรายได้จากในประเทศ คิดเป็น 67.4% เพิ่มขึ้นจากระดับ 63.7% ในปีก่อน และสัดส่วนรายได้จากลูกค้าจากต่างประเทศคิดเป็น 32.6% เป็นต้น
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 229.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีสาเหตุหลักจากในไตรมาส 4/67 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิที่ดีขึ้น เนื่องจากในไตรมาส 4 ราคาน้ำมันปาล์มดิบ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนขาย ต้นทุนการให้บริการและจัดจำหน่าย และต้นทุน ทางการเงินได้มีประสิทธิภาพ
ในแง่ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 5,717.6 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 256.1 ล้านบาท หรือ -4.3% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และลดลง 3,140.5 ล้านบาท หรือ -35.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าก่อนหน้า สาเหตุการลดลงเนื่องจากเป็นช่วงผลผลิตออกน้อยจากการที่ฝนขาดช่วง ในช่วงกลางปีและปลายปี ซึ่งได้รับผลจากอุทกภัย
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น ในไตรมาส 4/67 ปรับตัวดีขึ้นเป็น 8.5% เพิ่มขึ้นจาก 4.6% ของช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าจากราคาน้ำมัน ปาล์มดิบที่ปรับตัวขึ้นตามราคาตลาตโลก และหากพิจารณาจาก Adjusted GPM ก็ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 4.0% จากระดับ 3.5% ในไตรมาส 4/66 ด้วยเหตุผลด้านราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน
ขณะที่ต้นทุนในการจัดจำหน่าย ในไตรมาส 4/67 ลดลง 8.9 ล้านบาท หรือ -8.4% เทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ลดลงในอัตราที่มากกว่าการลดลงของรายได้จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน ในไตรมาส 4 และลดลง 26.8% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการลดลงของรายได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติจัดสรรกำไรประจำปี 2567 เป็นทุนสำรองตามกฎหมาย จำนวน 23,000,000 บาท คิดเป็น 5% ของกำไรสุทธิประจำปีจากงบเฉพาะกิจการ
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 โดยเสนอการจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท รวมเป้นเงิน 412,500,000 บาท คิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 93.90% ของกำไรสุทธิหลังจากหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหรด สอดคล้องกับนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทที่กำหนดไว้
โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Recode Date) ในวันที่ 30 เมษายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568