เปิดงบ Z.com พบปริศนา 6 เดือนมาร์จิ้นวูบกว่า 4.4 พันล้าน

จากกรณีที่ทาง "ฐานเศรษฐกิจ" ได้นำเสนอประเด็นที่ บริษัทหลักทรัพย์จีเอ็มโอ-แซดคอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z.com ได้มีหนังสือแจ้งนักลงทุนที่เป็นลูกค้าบริษัทว่าจะยุติการให้บริการในส่วนของบัญชีมาร์จิ้นทั้งหมด ในวันที่ 20 ธันวาคม 2567

ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนว่าอาจทำให้หุ้นหลายตัวที่อยู่ในบัญชีมาร์จิ้นของ Z.com ถูกเทขายออกมา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯไทยอย่างมาก เพราะบริษัทมีลูกหนี้ที่มีบัญชีมาร์จิ้นเกือบ 10,000 ล้านบาท ขณะที่ Z.com ชี้แจงว่าปัจจุบันมียอดหนี้รวมของบัญชีมาร์จิ้นเหลือเพียง 800 ล้านบาท

จากการตรวจสอบงบการเงินของ Z.com พบว่า หากคำชี้แจงขององ Z.com เป็นความจริง หมายความว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาลูกหนี้ธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลงไปถึง 5,079.66 ล้านบาท หรือ 86.39% เมื่อเทียบกับยอด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 ที่ 5,879.66 ล้านบาท 

กูรูวิเคราะห์นักลงทุนถูกฟอร์ซเซลล์บาดเจ็บระนาว

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทวิเคราะห์หลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ระบุว่า กรณีที่ยอดหนี้รวมบัญชีมาร์จิ้นของ บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบันที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 800 ล้านบาท จากกลางปี 67 ที่มีมูลค่ากว่า 5.9 พันล้านบาท มองว่าอาจเป็นการทยอยปิดบัญชีของกลุ่มลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา

แต่การที่ลูกค้าอีกส่วนหนึ่งมีการเรียกร้องและเข้าเจรจากับทาง Z.com คาดว่าเป็นผลมาจากตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจไม่ได้ดีมากนัก ทำให้ราคาหุ้นที่ลงทุนไปยังมีผลขาดทุนอยู่ ซึ่งก็หมายความว่าเงินลูกค้าที่ลงทุนไปก็ลดลงไปด้วย ดังนั้นลูกค้าจึงมีความกังวลใจที่จะตัดขายในช่วงที่ขาดทุนและต้องการระยะเวลา

ทั้งนี้ การที่ Z.com ประกาศยุติการให้บริการในส่วนของบัญชีมาร์จิ้นทั้งหมด ในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 และขอให้นักลงทุนที่ใช้บริการบัญชีมาร์จิ้นของบริษัท มาดำเนินการปิดบัญชีให้แล้วเสร็จก่อนวันครบกำหนด ก็อาจได้รับความร่วมมือจากกลุ่มลูกค้า และคาดว่าคงมีส่วนน้อยที่ถูกบังคับขาย (ฟอร์ซเซล)

อย่างไรก็ดี มองว่าด้วยมูลค่ายอดหนี้คงค้างของบัญชีมาร์จิ้น Z.com ที่อยู่ในระดับ 800 ล้านบาทนั้น ไม่ได้สูงมากจนกระทั่งทำให้ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบรุนแรงแต่อย่างใด ดังนั้นในแง่ของตลาดหุ้นคงไม่ได้รับปัจจัยลบจนน่ากังวลเหมือนหุ้นตัวใหญ่ก่อนหน้านี้ที่เคยมีประเด็นการฟอร์ซเซล

"การที่ยอดหนี้บัญชีมาร์จิ้นลดลงมากว่า 5 พันล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าหลักๆ คงเป็นการทยอยปิดบัญชีของลูกหนี้มากว่าการถูกบังคับขาย จนกระทั่งคงเหลือราว 800 ล้านบาทในปัจจุบัน ทั้งนี้ แม้ว่าในกรณีที่แย่สุดถูกบังคับขายออก ก็มองว่าด้วยมูลค่าที่ไม่ได้มากนัก จึงไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย แต่ในแง่นักลงทุนก็อาจบาดเจ็บอยู่ เพราะการที่ลูกหนี้ต้องการระยะเวลาก็เชื่อว่าเป็นผลมาจากการลงทุนในหุ้นนั้นยังมีผลขาดทุนอยู่"