ความคืบหน้าในการดำเนินการเพื่อออกจากแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ คือ "การแปลงหนี้เป็นทุน"
โดยการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ ประกอบไปด้วย
ล่าสุด กระทรวงการคลังได้แจ้งในแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการหรือแบบ 246-2 ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถึงการได้มาหุ้น THAI ในจำนวน 5,264,088,562 หุ้น คิดเป็น 22.7172%
โดยเป็นการได้มาจากการแปลงหนี้เป็นทุน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 ซึ่งภายหลังการได้มาดังกล่าว ทำให้กระทรวงการคลังถือหุ้น THAI เพิ่มเป็น 6,308,825,753 หุ้น หรือ 27.2258% จากเดิมถือหุ้นจำนวน 1,044,737,191 หรือ 47.8628%
ขณะเดียวกัน สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด (สอ.กฟผ.) ได้แจ้งในแบบ 246-2 เช่นเดียวกันถึงการได้มาหุ้น THAI ในจำนวน 1,538,121,854 หุ้น หรือ 6.6377% โดยเป็นการได้มาจากการแปลงหนี้เป็นทุน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทางสหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด ไม่ได้ถือหุ้น THAI อยู่เลย
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ได้แจ้งในแบบ 246-2 ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ถึงการได้มาหุ้น THAI ในจำนวน 2,398,507.018 หุ้น หรือ 10.3507% เป็นการได้มาจากการแปลงหนี้เป็นทุน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 ซึ่งภายหลังการได้มาดังกล่าว ทำให้ BBL ถือหุ้น THAI เพิ่มเป็น 2,407,879,062 หุ้น หรือ 10.3912% จากเดิมถือหุ้นจำนวน 9,372,044 หุ้น หรือ 0.4293%
ด้าน ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB แจ้งในแบบ 246-2 ถึงการได้มาหุ้น THAI ในจำนวน 1,327,322,126 หุ้น หรือ 5.7280% เป็นการได้มาจากการแปลงหนี้เป็นทุน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 ขณะที่ก่อนหน้านี้ KTB ไม่ได้ถือหุ้น THAI อยู่เลย