นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ 25 พ.ย.67 ว่า ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 426 จุด (+0.97%) แรงหนุนจากการซื้อหุ้นอิงกลุ่มเศรษฐกิจเพราะคาดหวังถึงการฟื้นตัวจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.3% นักลงทุนยังคงกังวลกับสงครามที่รุนแรงขึ้นระหว่างยูเครน-รัสเซีย
วันศุกร์ (22 พ.ย.67) ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้รายงานดัชนี PMI ทั้งภาคผลิตและภาคบริการในเบื้องต้น พบว่าดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะภาคบริการ ภายหลังจากทราบผลข้างต้นพบว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับขึ้นได้ดี โดยเฉพาะแรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (+1.2%) กลุ่มการเงิน (+1.1%) อสังหา (+0.8%) สะท้อนถึงเม็ดเงินไหลเข้าหากลุ่มอิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
พร้อมกับการปรับขึ้นของ US Bond Yield ทั้งรุ่นอายุ 2 และ 10 ปี สอดคล้องกับ Dollar Index ที่แข็งค่าต่อเนื่อง และทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 ปี ด้าน CME FED Watch น้ำหนักเริ่มให้โอกาสคงดอกเบี้ยมากขึ้นในการประชุมเฟด เดือน ธ.ค. แต่อย่างไรก็ตามการแข็งค่าของ Dollar ไม่เป็นผลให้เงินบาทอ่อนค่า วันศุกร์ที่ผ่านมาเงินบาทกลับแข็งค่าลงมาทดสอบ 34.4 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าเกิดจากการท่องเที่ยวไทยที่กำลังเข้าสู่ปัจจัยฤดูกาลหนุนเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าไทย
ตามสถิติแล้วเงินบาทมักแข็งค่าในช่วงเดือน ธ.ค. - ม.ค. และ ก.พ. จะเริ่มกลับมาอ่อนค่า แต่ทั้งนี้ด้วยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมามองเป็นบวกเล็กน้อยกับกระแสทุนต่างชาติที่อาจเห็นการชะลอการขายหรือกลับมาซื้อสุทธิ ล่าสุดในวันศุกร์นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพียงเล็กน้อย (117 ล้านบาท) และสถาบันเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ (วันศุกร์ซื้อสุทธิ 1.3 พันล้านบาท)
สัปดาห์นี้ (25-29 พ.ย.67) ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,435 - 1,470 มีมุมมองบวกมากขึ้นกับตลาดหุ้นเพราะเชื่อว่า Price In แรงกดดันจาก Trump Effect ไปมากแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัวจากการบริโภค ท่องเที่ยว และภาครัฐ แนะนำ Trading เช่นเดิมเน้นที่หุ้นค้าปลีก ได้แก่ BJC CRC CPALL GLOBAL DOHOME หุ้นท่องเที่ยว เช่น AOT CENTEL MINT หุ้นศูนย์การค้า CPN และหุ้นธนาคารพาณิชย์ BBL KBANK KTB และ SCB เป็นต้น
CPALL แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท รายงานกำไรไตรมาส 3/67 ที่ 5.6 พันล้านบาท โต 27% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน หลังหักรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ดีกว่าที่ทางฝ่ายและตลาดคาด 9% หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่เติบโต 3.3% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +1.5% และ Lotus’s +2.3%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 จะเติบโตจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว
CPN แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 87.00 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 4,126 ล้านบาทดีกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้ 5% โดยทรงตัวจากปีจากผลดีของกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากรายได้จากยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นได้กว่า 7% แต่ลดลง 9% จากไตรมาสก่อน มีปัจจัยลบจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากว่า 340 ล้านบาท และยอดโอนอสังหาริมทรัพย์ลดลง สำหรับแนวโน้มช่วงไตรมาส 4/67 ทางฝ่ายยังมีมุมมองเดิมที่คาดว่าในแง่รายได้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง