เจาะลึก “Crypto Wallet“ หัวใจสำคัญ“เก็บ-โอน” สินทรัพย์ดิจิทัล

22 ต.ค. 2567 | 14:53 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2567 | 16:26 น.

หนึ่งในประเด็นที่โลกโซเชียลกำลังจับตามองในคดี ดิไอคอน กรุ๊ป คือการโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบรรดาบอส และโค้ชเครือข่ายดิไอคอนกรุ๊ป หลังมีการออกมาแฉว่าหนึ่งในบอส ดิไอคอน กรุ๊ป มีโอนเหรียญ USDT มูลค่า 8 พันล้านบาท ออกไปก่อนถูกจับ 1 ชั่วโมง

กรณีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด   ออกมาระบุว่า  พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ "โค้ชแล็ป" ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง”    ซึ่งขณะนี้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการตรวจสอบความมีอยู่จริงของธุรกรรมดังกล่าว   ขณะที่ไบแนนซ์ ออกมาชี้แจงภายหลังถูกเชื่อมโยงว่าหนึ่งในผู้บริหารดิไอคอน กรุ๊ป มีโอนสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ กระเป๋าเงินคริปโต Binance Hot Wallet

เจาะลึก “Crypto Wallet“ หัวใจสำคัญ“เก็บ-โอน” สินทรัพย์ดิจิทัล

เพื่อสร้างให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น “ฐานเศรษฐกิจ”  จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ กระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) คืออะไร และมีประเภทอะไรบ้าง

กระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) คืออะไร?

กระเป๋าเงินคริปโต  เป็นหัวใจสำคัญในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล   โดยเครื่องมือตัวหนึ่งที่ทำงานร่วมกับเครือข่ายบล็อกเชน และทำหน้าที่เก็บรักษาเหรียญของผู้ใช้ พร้อมช่วยให้ส่งหรือรับเหรียญระหว่างผู้ใช้รายอื่น ๆ กระเป๋าเหล่านี้มีรูปแบบที่แตกต่างกันหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Software Wallet, Hardware Wallet หรือ Paper Wallet และในบางกรณี กระเป๋าเงินคริปโตนี้ก็อาจถูกจัดหมวดหมู่ได้เป็น Hot Wallet และ Cold Wallet

เจาะลึก “Crypto Wallet“ หัวใจสำคัญ“เก็บ-โอน” สินทรัพย์ดิจิทัล

ปัจจุบัน กระเป๋าเงินคริปโต ส่วนมากถูกจัดเป็น Software เนื่องจากความสะดวกในการทำธุรกรรม ที่สามารถทำได้เร็วกว่ากระเป๋าลักษณะอื่น ๆ มาก อย่างไรก็ตาม Hardware Wallet ก็ยังขึ้นชื่อว่าปลอดภัยกว่า เนื่องจากสามารถตัดปัญหาการโจรกรรมทางอินเตอร์เน็ตได้ ในส่วน Paper Wallet หรือกระเป๋ากระดาษ นั้นเป็นลักษณะกระเป๋าชนิดที่จะเก็บเหรียญของผู้ใช้ไว้บนกระดาษผ่านการพิมพ์ แม้ว่าจะเป็นวิธีที่ล้าสมัยและก็มีความน่าเชื่อถือหากถูกใช้อย่างถูกวิธี

กระเป๋าเงินคริปโตทำงานอย่างไร?

ถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นกระเป๋าเงินคริปโต กระเป๋าพวกนี้ก็ไม่ได้เก็บเหรียญคริปโตไว้อย่างที่กระเป๋าสตางค์เก็บเหรียญหรือธนบัตร ในทางกลับกัน กระเป๋าเงินคริปโตจะสร้างเครื่องมือที่สำคัญในการเข้าถึงบัญชีส่วนตัว หรือก็คือชุดข้อมูลที่ประกอบไปด้วยกุญแจสาธารณะ (Public key) และกุญแจส่วนตัว (Private key) ซึ่งมีหน้าที่สำคัญคือการส่งออกหรือรับเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีเข้ามาผ่านธุรกรรมของบล็อกเชน

นอกจากนั้น กระเป๋าคริปโตยังมีรหัสที่อยู่ (Address) ซึ่งประกอบไปด้วยทั้งตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลขที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้กุญแจสาธารณะและกุญแจส่วนตัว หน้าที่ของมันก็คือเป็นตัวระบุบัญชีส่วนตัวที่สามารถส่งเหรียญเข้าไปได้ หมายความว่า สามารถรับและส่งเหรียญได้ผ่านรหัสที่อยู่ของกระเป๋าคริปโต

ข้อควรระวัง ด้วยกุญแจส่วนตัว สามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโตได้ทุกที่ทุกเวลา การเปิดเผยกุญแจส่วนตัวอาจส่งผลให้บุคคลภายนอกเข้ามาเอาเหรียญไปได้ ดังนั้นรหัสชุดนี้จึงต้องถูกเก็บไว้อย่างดี

ประเภทของกระเป๋าเงินคริปโต

กระเป๋าเงินคริปโตแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

1. Hot Wallet

               - เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา

               - เหมาะสำหรับการทำธุรกรรมที่ต้องการความรวดเร็วและความสะดวก

               - มีความเสี่ยงต่อการถูกแฮกสูงกว่า

รูปแบบของ Hot Wallet มีดังนี้:

1.1 Web Wallet

               - ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์

               - เป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะใช้งานง่าย

ตัวอย่างเช่น Metamask, Rabby Wallet, Phantom Wallet   สามารถดูกราฟและเปรียบเทียบราคาระหว่างตลาดได้สะดวก

1.2 Mobile Wallet

               - ใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ

               -  เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความคล่องตัว

ตัวอย่างเช่น Exodus, Trust Wallet  สามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา

 1.3 Desktop Wallet

               - ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป

               -  เก็บไฟล์ไว้ในเครื่อง

               - ต้องระวังเรื่องการสำรองข้อมูล

               -  ไม่ค่อยได้รับความนิยมในปัจจุบัน

2. Cold Wallet

               - ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

               -  มีความปลอดภัยสูงกว่า Hot Wallet

               -  เหมาะสำหรับการเก็บสินทรัพย์ระยะยาว

มี 2 รูปแบบหลัก:

2.1 Hardware Wallet

               - เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เฉพาะ

               -  ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อทำธุรกรรม

ตัวอย่างเช่น Trezor, Ledger เหมาะสำหรับการเก็บสินทรัพย์มูลค่าสูง

2.2 Paper Wallet

               - เก็บข้อมูลในรูปแบบกระดาษ

               - ใช้ QR Code หรือ Seed Phrase ในการเข้าถึง

               -  ปลอดภัยจากการแฮก

               -  ต้องระวังการเก็บรักษาเอกสาร

การเลือกใช้กระเป๋าเงินคริปโตให้เหมาะสม

-    นักลงทุนส่วนใหญ่มักใช้ทั้ง Hot Wallet และ Cold Wallet ร่วมกัน โดย:

-    ใช้ Hot Wallet สำหรับการทำธุรกรรมประจำวันและการลงทุนระยะสั้น

-    ใช้ Cold Wallet สำหรับเก็บสินทรัพย์ระยะยาวและสินทรัพย์มูลค่าสูง

ข้อควรระวังในการใช้งาน

Hot Wallet

-    ไม่ควรเก็บสินทรัพย์มูลค่าสูงเกินไป

-    ระวังการติดมัลแวร์และไวรัส

-    เก็บรักษา Private Key ให้ปลอดภัย

Cold Wallet

-    ต้องเก็บรักษาอุปกรณ์หรือเอกสารให้ดี

-    สำรองข้อมูลสำคัญอย่างปลอดภัย

-    ระมัดระวังในการพกพาอุปกรณ์

การเลือกใช้กระเป๋าเงินคริปโตที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล โดยควรพิจารณาจากวัตถุประสงค์การใช้งาน ความถี่ในการทำธุรกรรม และมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องการเก็บรักษา การใช้งานทั้ง Hot Wallet และ Cold Wallet ร่วมกันอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น