"พิชัย"นำทีมแถลงมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุนวันนี้ จับตารื้อเกณฑ์ TESG ดึงดูดลงทุน
คลัง ผนึก ก.ล.ต.-ตลท. แถลงวันนี้ (24 มิ.ย.) "มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน" จับตามาตรการดึงดูดนักลงทุน อัพเกรดกองทุน "Thai ESG" ลดระยะการถือครองต่ำกว่า 8 ปี เพิ่มกลุ่มหุ้นที่จะลงทุนได้ และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพิ่ม
สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย ที่ยังอยู่แค่"ทรง"กับ"ทรุด" ดัชนี SET ปรับลงหลุดต่ำกว่า 1,300 จุด ในช่วงสัปดาห์ทำการที่ผ่านมา (17-21 มิ.ย.2567) ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 4.2 ปี และนับตั้งแต่ต้นปี 67มา (YTD ) ดัชนีปรับลดลงแล้ว 7.73% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ"ขายสะสมสุทธิ"ตั้งแต่ต้นปีถึง ณ วันที่ 21 มิ.ย.67 รวม 108,262 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 มิ.ย.67) 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง - ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะร่วมแถลงมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน ในเวลา 17.30 น. นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร และ นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ,นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับนายพิชัยหลายเรื่อง นั่งทานข้าวกันถึงดึก ปรึกษาปัญหาเรื่องตลาดหลักทรัพย์ และในอีกหลายเรื่อง ซึ่งเข้าใจว่าในวันที่ 24 มิถุนายน 2567 จะมีการแถลงใหญ่ถึงมาตรการระยะสั้นกลางและยาว
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยมองกลไกที่จะสนับสนุน อาทิ การดำเนินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF) และกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) อย่างไรก็ดีแนวทางของกระทรวงการคลังจะพิจารณา เลือกใช้กองทุนใดกองทุนหนึ่ง เนื่องจากทั้ง 2 กองทุนมีลักษณะเช่นเดียวกัน แต่ Thai ESG จะมีการโฟกัสความยั่งยืน ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาล โดยจะมีการทบทวนเงื่อนไข เช่นลดระยะเวลาการถือครองกองทุน Thai ESG ให้สั้นลงจากปัจจุบันที่กำหนดระยะเวลาถือครองที่ 8 ปี ขยายขอบข่ายกลุ่มหุ้นที่จะให้ลงทุนเพิ่มได้ นอกเหนือจากเป็นหุ้นกลุ่ม ESG รวมทั้งทบทวนเรื่องเพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษี จากปัจจุบันสามารถนำเงินจากการซื้อหน่วยลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดที่ 1 แสนบาทต่อปี
"กระทรวงการคลัง มีแนวคิดจะไปดูว่ากลุ่ม ESG ที่อยู่ในกองทุนนั้นครอบคลุมหรือยัง และจะวางกรอบอย่างไร เนื่องจากการดำเนินการ Thai ESG ครั้งที่ผ่านมาระยะเวลาค่อนข้างสั้น หลายคนเข้าไม่ทัน จึงต้องการวางกลไกให้เหมาะสม เราอยากขยายกรอบครอบคลุมกลุ่ม ESG ให้กว้างขึ้น เพราะครั้งที่แล้วยังมีข้อจำกัด ”
อนึ่งกองทุน Thai ESG ตั้งขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2566 วัตถุประสงค์การจัดตั้งเพื่อการออมระยะยาว โดยเงื่อนไขกำหนดต้องลงทุนหลักทรัพย์ที่เป็น ESG และรวมถึงตราสารหนี้ระยะเวลา 10 ปี ซึ่งผู้ที่ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนใน Thai ESG สามารถนำรายจ่ายที่ซื้อหน่วยลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ของผู้ซื้อหน่วยลงทุน แต่สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี โดยผู้ซื้อหน่วยลงทุนนี้ ที่จะได้สิทธิลดหย่อนภาษี จะต้องถือหน่วยลงทุนในกองทุนนี้ให้ครบ 8 ปีเต็ม ซึ่งไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก