แบงก์ชาติ เอาจริงเตรียมระงับบัญชีม้าในชื่อบุคคล จากเดิมระงับรายบัญชี

13 มิ.ย. 2567 | 10:51 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มิ.ย. 2567 | 11:13 น.
743

แบงก์ชาติ เอาจริงเตรียมระงับบัญชีม้าในชื่อบุคคล จากเดิมระงับแค่รายบัญชี ชี้หากพบเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพ จะถูกอายัดในทุกบัญชีและจะเปิดบัญชีใหม่ไม่ได้เช่นกัน

จากกรณีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี สำนักงานกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. , ธนาคารแห่งประเทศไทย  หรือ ธปท. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ตามมาตรการตรวจสอบซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ผูกกับบัญชีธนาคาร หรือโมบายแบงก์กิ้ง เพื่อกำจัดซิมผี บัญชีม้า

ล่าสุดนายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยถึงปัญหาภัยทุจริตทางการเงิน ว่า ธปท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในการดำเนินการสำคัญ ได้แก่ การออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 โดยมีวัตถุประสงค์ส่วนหนึ่งเพื่อจัดการบัญชีม้าที่ถูกใช้ เป็นเครื่องมือในการรับเงินและถ่ายโอนเงินจากการกระทำผิด และแลกเปลี่ยนเส้นทางเงินเพื่อสนับสนุน การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ อีกทั้ง พรก. ยังได้กำหนดโทษเอาผิดกับบัญชีม้าให้ชัดเจนขึ้น

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา การจัดการกับบัญชีม้ายังมีข้อจำกัด ในครั้งนี้  ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมกันยกระดับ การจัดการบัญชีม้าให้เข้มงวดขึ้น เพื่อให้ธนาคารป้องกันความเสี่ยงและแก้ไขปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ ที่เกิดกับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจะดูแลให้กระทบประชาชนผู้สุจริตน้อยที่สุด

ด้านนางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะมีการระงับบัญชีม้าในรายชื่อบุคคล จากเดิมที่ระงับรายบัญชี ซึ่งหมายถึง หากพบว่า รายชื่อใดที่ระบุและพบว่ามีบัญชีอยู่ในเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพ จะถูกอายัดในทุกบัญชีและจะเปิดบัญชีใหม่ไม่ได้เช่นกัน

การยกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน ประกอบด้วยมาตรการ 2 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1: การยกระดับการจัดการบัญชีม้า โดยปรับจากการดำเนินการระดับ "บัญชี" เป็นระดับ "บุคคล"รวมถึงการจัดการบัญชีต้องสงสัยได้เร็วขึ้น และดำเนินการเข้มข้นขึ้นทั้งบัญชีในปัจจุบันและการเปิดบัญชีใหม่ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. การกวาดล้างบัญชีม้าในระบบ ด้วยการจัดการทุกบัญชีในทุกธนาคารของเจ้าของบัญชีต้องสงสัย โดยธนาคารจะใช้ข้อมูลจาก 3 แหล่ง ได้แก่

(1) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

(2) ระบบข้อมูล Central Fraud Registry (CFR) นอกจากนี้จะมุ่งเน้นใช้ฐานข้อมูล CFR (ม้าเทา) ซึ่งเป็นรายชื่อที่ผู้ถูกแจ้งความหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งบัญชีกลุ่มนี้จะถูกติดตามทันทีว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งธนาคารสามารถเห็นข้อมูลกลุ่มม้าเทานี้ข้ามธนาคารได้ โดยธนาคารมีการออกหนังสือเวียนฯ ในช่วงต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา

และ (3) ข้อมูลบัญชีที่ธนาคารตรวจสอบว่ามีพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น บัญชีที่โอนเงินเข้า-ออกมูลค่าน้อยในเวลาสั้น ๆ หลายครั้งก่อนมีเงินโอนเข้า-ออกมูลค่าสูงเพื่อจัดระดับความเสี่ยงในการดำเนินการกับบัญชีเหล่านั้น ซึ่งทุกธนาคารจะมีมาตรฐานเดียวกัน เช่นการระงับการใช้บัญชีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทันที พิสูจน์ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามระดับความเสี่ยงซึ่งจะทำให้การกวาดล้างบัญชีม้าทำได้ครอบคลุมและรวดเร็วขึ้นฝ่ายกลยุทธ์สื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร / Communications Department

แบงก์ชาติ เอาจริงเตรียมระงับบัญชีม้าในชื่อบุคคล จากเดิมระงับรายบัญชี

 

 

2) การเพิ่มความเข้มงวดในการเปิดบัญชีใหม่ให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีพฤติกรรมผิดปกติ เพื่อป้องกันการเกิดบัญชีม้าใหม่ โดยธนาคารจะตรวจสอบความเสี่ยงของลูกค้าจากฐานข้อมูล

3 แหล่งข้างต้น หากพบลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงมาเปิดบัญชี ทุกธนาคารต้องดำเนินการตามระดับความเสี่ยงด้วยมาตรฐานเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับเข้มข้นไมให้เปิดบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ ให้เปิดบัญชีแบบมีเงื่อนไขไม่ให้ใช้บริการผ่านช่องทาง mobile bankingไปจนถึงการปฏิเสธไมให้เปิดบัญชีทุกช่องทาง ทั้งแบบออนไลน์และที่สาขา

ในการนี้ ธปท. ได้ออกหนังสือเวียน เรื่อง การเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ในกรณีลูกค้ามีความเสี่ยงสูงหรือใช้บัญชีที่มีลักษณะหรือพฤติกรรมผิดปกติเพื่อให้ธนาคารนำข้อมูลรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงในระบบ CFR มาใช้ข้ามธนาคาร เพื่อดำเนินการกับบัญชีต้องสงสัยได้ครอบคลุมและรวดเร็ว รวมทั้งเป็นมาตรฐานเดียวกัน

กลุ่มที่ 2. การมีผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมเพื่อดูแลธุรกรรมของลูกค้าให้ปลอดภัยมากขึ้นธปท. กำหนดให้ธนาคารมีผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมเพื่อดูแลให้ลูกค้าใช้บริการดิจิทัลได้ปลอดภัยขึ้น ได้แก่ การล็อควงเงินที่ห้ามทำธุรกรรมออนไลน์ โดยการปลดล็อควงเงินดังกล่าวให้ทำได้ยากขึ้น และ/หรือการปรับลดวงเงินต่อครั้งในการสแกนใบหน้าการทำธุรกรรมบน mobile banking ต่ำกว่า 50,000 บาท นอกจากนี้ ธนาคารแต่ละแห่งจะเสนอบริการเพื่อดูแลลูกค้า เพิ่มเติมได้ เช่น การโอนเงินที่อาศัยบุคคลอื่นช่วยอนุมัติ (double authorisation) การโอนเงิน เฉพาะรายชื่อที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะเริ่มเห็นการให้บริการตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2567.