กูรูคาดกำไรสุทธิ MTC ไตรมาส 1/67 ยืนเหนือ 1.2-1.3 พันล้าน NPL พ้นจุดพีค

05 พ.ค. 2567 | 07:30 น.

โบรกส่อง MTC ไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิโต 21-23% จากปีก่อน เหนือระดับ 1.2-1.3 พันล้าน รายได้ Fee เพิ่มขึ้นตามการเรียกเก็บหนี้ ชี้ NPL ratio และ credit cost พ้นจุดพีคสุดแล้ว

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยในบทวิเคราะห์ MTC ว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/2567 ต่ำสุดในปี 2567 นี้ โดยคาดการณ์ไว้ที่ 1.3 พันล้านบาท เติบโต 23.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่ละลง 1.9% จากไตรมาสก่อน ซึ่งการเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน มาจากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น (จากการเติบโตของสินเชื่อ) และค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้ (C/I ratio) ลดลง ส่วนการหดตัวจากไตรมาสก่อน เพราะ C/I ratio สูงขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/2567 จะต่ำสุดในปีนี้ (โดยปกติไตรมาส 1 จะเป็น low season ของการขยายสินเชื่อและ yield เพราะจำนวนวันน้อยกว่าไตรมาสอื่น แต่เป็นช่วงที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูง เนื่องจากมีการจ่ายโบนัสและปรับขึ้นเงินเดือน) และคาดสินเชื่อในไตรมาส 1/2567 เติบโต 18.0% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.5% จากไตรมาสก่อน เป็น 1.48 แสนล้านบาท โดยหลักมาจากการขยายตัวของสินเชื่อจำนำ บริษัทเปิดเพิ่ม 251 สาขาในไตรมาส 1/2567 รวมทั้งหมด 7,788 สาขาในสิ้นมี.ค.24 (ทั้งปี 2567 มีแผนเปิด 600 สาขา)

คาด NIM ในไตรมาส 1/2567 ลด 26.6 bps เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และลด 21.6 bps จากไตรมาสก่อน จากต้นทุนการเงินสูงขึ้น และ yield ลดลง ขณะที่รายได้ Fee เพิ่มขึ้นตามการเรียกเก็บหนี้ ซึ่งทางฝ่ายคาดว่ารายได้นี้จะเติบโต 10.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 45.0% จากไตรมาสก่อน ด้านค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามการขยายธุรกิจ ที่ทางฝ่ายคาดว่าเติบโต 11.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.5% จากไตรมาสก่อน แต่ C/I ratio ลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน จากประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น โดยทางฝ่ายคาดว่า NPL ratio และ credit cost ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วในปี 2566 หลังจากตัดหนี้สูญขาย NPL และปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวังขึ้นคาด NPL ratio สิ้นไตรมาส 1/2567 ไว้ที่ 3.1% และ credit cost ลดเป็น 3.5% ในไตรมาส 1/2567 จาก 3.6% ในไตรมาส 4/2566 ส่วน coverage ratio คาดไว้ที่ 115% ในสิ้นไตรมาส 1/2567

จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ทางฝ่ายคงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 59 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 3.4 เท่า (Mean-1SD) ทางฝ่ายคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/2567 จะโตได้ทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จาก yield ในไตรมาส 2/2567 ดีขึ้นจากจำนวนวันมากขึ้น C/I ratio ลดลง ประสิทธิภาพดำเนินงานดีขึ้น สำหรับทั้งปี 2567-2568 คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโต 22% และ 26% ตามลำดับ

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาด MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2567 จำนวน 1,295 ล้านบาท โต 21% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่ลดลง 4.1% จากไตรมาสก่อน กดดันจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ปรับลง หลัง NIM ต่ำลง ตามต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อที่น้อยลง รวมถึงการตั้งสำรองที่ยังทรงตัวสูง แต่อย่างไรก็ดี ทั้งปี 2567 คาด MTC จะมีกำไรสุทธิ 5,694 ล้านบาท โต 16% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน

แม้ฝ่ายวิจัยมองว่า MTC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรัฐฯ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดจะเริ่มปรับลงในช่วงครึ่งหลังปี 2567 แต่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เพียง 7.9% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2567 เดิมที่ 48 บาท (อิงวิธี Prospective PBV ที่ 2.7x) ทำให้ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำเพียงซื้อเก็งกำไร บนราคาพื้นฐานที่ 48.00 บาท