KEY
POINTS
หลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้ บริษัทณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ชี้แจงข้อเท็จจริงที่อาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อสภาพคล่องและความสามารถในการชําระดอกเบี้ยหุ้นกู้และหนี้ต่าง ๆ ของบริษัท และการดําเนินธุรกิจของบริษัท กรณีปรากฏข้อมูลในงบการเงินประจําปี 2566 ว่าบริษัทมีเงินสด 39 ล้านบาท และมีหุ้นกู้และหนี้สินที่ครบกําหนดต้องชําระใน 1 ปีรวม 2,352 ล้านบาท แยกเป็นหุ้นกู้ 1,185 ล้านบาท และหนี้สินอื่นอีก 1,167 ล้านบาทนั้น
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 นายวิษณุ เทพเจริญ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NUSA ได้ทำหนังสือชี้แจงตลท. ระบุว่า บริษัทฯ มีภาระการชําระคืนหุ้นกู้ที่ครบกําหนดในไตรมาสแรกนี้ได้แก่ NUSA242A ซึ่งครบกําหนดแล้ว เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 จํานวน 132.0 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้ชําระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเสร็จสิ้นแล้ว และตลอดช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีภาระดอกเบี้ยหุ้นกู้ครบกำหนดจำนวน 13.5 ล้านบาท บริษัทฯได้ชําระเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่จะครบกําหนด ในเดือนมีนาคมนี้ได้แก่ NUSA253B, NUSA250B และ WMA256A บริษัทฯได้เตรียมเงินสําหรับดอกเบี้ยหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น และนําส่งให้แก่นายทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนเงินต้นหุ้นกู้ที่จะครบกําหนดใน 4-9 เดือนข้างหน้านี้ บริษัทฯได้เตรียมแผนสํารองในกรณีที่หากไม่สามารถ Rollover หุ้นกู้ได้ โดยจะอธิบายในลําดับต่อไป
1.ด้านภาระหนี้ที่จะครบกําหนดชําระภายใน 1 ปีจํานวน 1,167 ล้านบาท นั้น มีรายละเอียดดังนี้
2. เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ถึงกําหนดชําระภายในหนึ่งปีจํานวน 249 ล้านบาท ประกอบไปด้วยการกู้เงินจากสถานบันการเงินสามแห่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
3. เงินกู้ยืมจากกิจการอื่น และ เงินกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน
กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมจากกิจการอื่น และ เงินกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน จํานวน 595 ล้านบาท และ 323 ล้านบาท หากบริษัทมีสภาพคล่องเหลือ บริษัทจะชําระคืนเงินกู้เมื่อครบกําหนด
อย่างไรก็ตามหากบริษัทสามารถ Rollover เงินกู้ต่อไปได้บริษัทจะดําเนินการ Rollover เงินกู้ต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของบริษัท ซึ่งเป็นแนวทางการบริหารสภาพคล่องของกิจการตลอดปีที่ผ่านมา
การดําเนินกิจการภาคอสังหาริมทรัพย์ของกิจการ
ทางด้านผลการดําเนินงานในภาคอสังหาริมทรัพย์นับแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดําเนินการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
จะเห็นได้ว่าสินค้าของบริษัทฯ เฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็น Back log รวม 1,555 ล้านบาท และอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 3,550 ล้านบาท รวมกว่า 5,105 ล้านบาท ในขณะที่ภาระหนี้ที่บริษัทมีในระยะสั้นจํานวน 2,352 ล้านบาท และหากเทียบกับ D/E Ratio ณ สิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมี D/E Ratio เพียง 0.58
บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าจะสามารถบริหารสินค้าและทรัพย์สินที่บริษัทมีอยู่ให้สามารถ Turnover เป็นเงินสด เพื่อมาเสริมสภาพคล่องทางการเงินและสามารถชําระคืนภาระหนี้ที่มีทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด นอกจากนี้แล้วบริษัทยังมีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่อยู่ในรูปของสินทรัพย์ถาวร เช่น ที่ดินรอการพัฒนา โรงแรม เมอเวนพิค มายโอโซน เขาใหญ่ และเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้น เป็นต้น อีกกว่า 7,000 ล้านบาท
โดยรวมแล้ว บริษัทมีทรัพย์สินและสินค้าเพื่อการขายรวมมูลค่ามากกว่า 12,000 ล้านบาท เทียบกับภาระหนี้สินของบริษัทที่มีจํานวน 5,000 กว่าล้านบาท บริษัทมั่นใจว่า จะสามารถบริหารสินค้าที่มีอยู่เพื่อสร้างสภาพคล่องทางการเงินและสามารถชําระคืนหนี้ได้ตามกําหนดทุกรายการ