ณ เวลา 00.52 น.ตามเวลาไทยวันนี้ (13 ก.พ.) บิตคอยน์ พุ่งขึ้น 4.08% สู่ระดับ 50,017.75 ดอลลาร์ใน การซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2564 ก่อนที่จะปรับตัวลงมาสู่ระดับ 49,854.0 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,781,999.12 บาท เมื่อเวลา 11.03 น.วันเดียวกัน ตามเวลาประเทศไทย
สัญญาณทางเทคนิคของ Fibonacci และ Stochastic RSI บ่งชี้ว่า หากบิตคอยน์พุ่งทะลุ 50,000 ดอลลาร์ ก็จะทะยานขึ้นแตะระดับ 57,000 ดอลลาร์ภายในไม่กี่สัปดาห์
เม็ดเงินยังคงไหลเข้าสู่กองทุน Spot Bitcoin ETF อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2567
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระแสเงินทุนราว 1.1 พันล้านดอลลาร์ได้หลั่งไหลเข้าสู่ Spot Bitcoin ETF และหากนับตั้งแต่เปิดตัวกองทุนดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ก็พบว่ามีเม็ดเงินไหลเข้ามากถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์
ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด คาดการณ์ว่า การอนุมัติ Spot Bitcoin ETF จะดึงดูดให้นักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี และจะทำให้มีเม็ดเงินราว 50,000-100,000 ล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่บิตคอยน์ในปีนี้ ซึ่งจะหนุนให้บิตคอยน์พุ่งแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ภายในปี 2568
หากคาดการณ์ดังกล่าวเป็นจริง บิตคอยน์จะทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ทำไว้ที่ระดับ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าบิตคอยน์ยังคงมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นต่อไป โดยได้ปัจจัยบวกจากปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนเม.ย. รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้นมากกว่า 150% ในปีที่แล้ว โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเพียง 24%