ส่อง "สกุลเงินดิจิทัล" ที่น่าจับตาของโลกในปี 2024

ช่วงปลายปีปี 2566 สกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี Cryptocurrency เผชิญกับความคาดหวังที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับ การอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ของสหรัฐฯ จนทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตลาดกระทิง ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของมูลค่าตลาด นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ Bitcoin Halving ที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 รวมถึงสัญญาณการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

เมื่อพิจารณาทั้งปี 2023 ตลาด crypto มีการเติบโตอย่างมาก โดยเพิ่มมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 2 เท่า โดยเพิ่มขึ้น 108% จาก 832 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปี การเติบโตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 ได้รับแรงหนุนหลักจากการฟื้นตัวของ Bitcoin เนื่องจากราคาเพิ่มขึ้นจาก 27,000 ดอลลาร์เป็น 42,000 ดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 และมีการเติบโต 155% ตลอดทั้งปี

Bitcoin หรือ BTC มีขาขึ้นแรกที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 1 ซึ่งเพิ่มขึ้น +72.4% ตามมาด้วยการพุ่งขึ้นในไตรมาสที่ 2 จากนั้นปรับตัวกลับมาในไตรมาสที่ 3 ลดลง -11.5% ก่อนปรับตัวขึ้นในไตรมาสที่ 4 ขณะเดียวกันปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยของ BTC ลดลงในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 และค่อย ๆ ลดลงในไตรมาสที่ 2 เเละไตรมาสที่ 3 จากนั้นเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 เป็น 18.0 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น +64.3% QoQ ตามรายงาน รายงานอุตสาหกรรม Crypto ประจำปี 2023

ปี 2024 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดคริปโตฯ จะฟื้นจากวิกฤติตลาดหมีเข้าสู่ตลาดกระทิงที่มีความร้อนแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะ "บิทคอยน์" พี่ใหญ่ที่ได้รับการยอมรับนำเข้าสู่การซื้อขายหน่วยลงทุน โดยกองทุนขนาดใหญ่หลายกองทุนในสหรัฐฯ ที่จะเริ่มเปิดให้บริการ อานิสงส์นี้จะผลักดันให้เหรียญอื่นๆ ทะยานขึ้นในแดนบวกด้วยเช่นกัน ตามรายงานของ U.Today 

ต่อไปนี้คือ ตลาด crypto ในปีที่ผ่านมา มีเหรียญไหนที่สร้างผลตอบแทนอย่างโดดเด่น อ้างอิงตามข้อมูลจาก beincrypto , 

Bitcoin (BTC)

ได้รับฉายาว่าเป็น "ทองคำดิจิทัล" เป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของโลกที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 ปัจจุบัน BTC เป็นหนึ่งในคริปโตที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากเหล่านักลงทุน เนื่องจากความโปร่งใส ประโยชน์การใช้งานที่ชัดเจน และการได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นักลงทุนคริปโตส่วนใหญ่จึงมีติดพอร์ตไว้ 

BTC เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ +155.2% ในปี 2566 เฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 BTC เพิ่มขึ้น +64.3% จาก 26,918 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 42,220 ดอลลาร์สหรัฐใน BTC แตะระดับสูงสุดประจำปีที่ 44,004 ดอลลาร์ ซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อนตั้งแต่เดือนเมษายน 2022

BTC ถูกน่าจับตามองในปี 2024 เพราะราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรอบ Bitcoin Halving ที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนเมษายนปี จากสถิติ Bitcoin Halving ในรอบที่ผ่าน มา ราคา BTC จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

นักวิเคราะห์ของเราคาดการณ์ว่า BTC Cryptocurrency อาจถึงราคาสูงสุดที่ 89,319 ดอลลาร์ และราคาขั้นต่ำที่ 80,893  ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 75,837 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 ตามข้อมูลของ coinmarketcap

มูลค่าตลาด (Market Cap) 839,928 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับ 1 ของสกุลเงินดิจิทัล) ณ ธันวาคม 2023 

Ethereum (ETH)

คริปโทเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตลาด (Marketcap) สูงที่สุดเป็นอันดับสอง เป็นรองแค่ Bitcoin อย่าง Ethereum ( ETH ) ปิดราคาในปี 2023 ที่ 2,294 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น +90.5%  ETH มีผลตอบแทนสูงสุดในไตรมาสที่ 1 ปี 2023 เพิ่มขึ้น +49.8% จาก 1,196 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1,792 ดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้น +36.4% ในไตรมาสที่ 4 ETH แตะระดับสูงสุดประจำปีที่ 2,376 ดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนธันวาคม

มูลค่าตลาด (Market Cap) 269,656 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับ 2 ของสกุลเงินดิจิทัล) ณ ธันวาคม 2023 

Binance Coin (BNB)

เหรียญคริปโตของ Binance แพลตฟอร์มกระดานเทรดคริปโตที่มีปริมาณการซื้อขายรายวันมากที่สุดในโลก BNB ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก Binance ซึ่งทำให้มันมีประโยชน์การใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ประโยชน์การใช้งานหลักๆ ของ BNB ก็คือการเป็นสื่อกลางสำหรับค่าสินค้าและบริการ, ชำระค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบน Binance Smart Chain, ใช้ในการเข้าร่วมรอบเปิดตัวของการขายโทเค็นใหม่ๆ และอื่นๆ อีกมากมาย

Binance Coin (BNB) น่าจับตามองในฐานะสินทรัพย์สำหรับการลงทุนก็คือ ประโยชน์การใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น จากเอกสารไวท์เปเปอร์ของ Binance ในทุกๆ ไตรมาส Binance จะทำลาย BNB โดยอิงจากปริมาณการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม จนกว่าจะทำลาย 50% ของ BNB ทั้งหมด” ส่งผลให้อุปทานทั้งหมดลดลงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป (และอาจจะทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นตามอุปทานที่ลดลง) ซึ่งหมายความว่า การลงทุนในเหรียญ BNB ในระยะยาวถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

มูลค่าตลาด (Market Cap): 37,193 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับ 4 ของสกุลเงินดิจิทัล) 

Tether (USDT) 

เหรียญเสมือนที่ขนานเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา โดย Dollar Tether (USDT) สร้างขึ้นโดย Tether Limited ในปี 2023 USDT เพิ่มส่วนแบ่งของเงินสดและรายการเทียบเท่า และ T-bill ของสหรัฐฯ ส่งผลให้ USDT มีความเสถียร แต่แพลตฟอร์มยังคงไม่ได้รับการตรวจสอบ Tether (USDT) เผยแพร่เฉพาะ "เอกสารรับรอง" เพื่อพิสูจน์ความเพียงพอของทุนสำรองขณะที่ ในปี 2024 มูลค่าตลาดของ Tether (USDT) เพิ่มขึ้นเกือบ 50% 

มูลค่าตลาด (Market Cap) 269,656 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับ 3 ของสกุลเงินดิจิทัล) ณ ธันวาคม 2023 

Solana (SOL) 

SOL เป็นสกุลเงินดิจิทัลดั้งเดิมและเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ Ethereum (ETH) โดย Solana ซึ่งเป็นบล็อกเชนเปิดตัวในปี 2019 มีจุดเ่นในการออกแบบเทคโนโลยีขั้นสูงที่ทำให้สามารถประมวลผลธุรกรรมนับพันรายการต่อวินาที โดยเสียค่าธรรมเนียมต่ำ ขณะที่ในเวลาเดียวกัน เครือข่ายกลับประสบปัญหาขัดข้องจนต้องหยุดการใช้งานหลายครั้ง ซึ่งทำให้มีมุมมองเชิงลบด้านความเสถียรของการทำธุรกรรม

อย่างไรก็ตามในปี 2024 Solana (SOL) คาดว่าจะทำการ "ลบ FTX Legacy” ออกไปจาก ผลิตภัณฑ์จำนวนมาก ที่สร้างขึ้นมาจาก FTX และแพลตฟอร์มการซื้อขาย Alameda Research ที่เกี่ยวข้องและกำลังทำงานอยู่ ด้วยเหตุนี้ SOL อาจเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมา จากการคงเอกภาพของเหรียญ

มูลค่าตลาด (Market Cap): 31,971 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับ 6 ของสกุลเงินดิจิทัล) ณ ธันวาคม 2023 

ปี 2024 นับเป็นปีที่ต้องจับตามองใน สกุลเงินดิจิทัล โดยมีปัจจัยสนันสนุนต่อไปนี้ 

Bitcoin Spot ETFs

Bitcoin ETFs (Exchange Traded Fund) กองทุนประเภทหนึ่งที่มีราคาวิ่งตามราคา Bitcoin สามารถซื้อขายได้ใน Exchange ปกติ ส่งผลทางบวกต่อราคาของ Bitcoin เช่น นักลงทุนที่ไม่เคยอยู่ในตลาดคริปโทมาก่อน สถาบันทางการเงินที่มีข้อกำหนดให้ไม่สามารถซื้อ Bitcoin ได้ สามารถที่จะมีความเสี่ยงที่มีผลต่อตลาด (Exposure) กับราคาของ Bitcoin ได้ผ่าน ETFs ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินมหาศาลไหลเข้าสู่ Bitcoin 

Bitcoin Halving

การลดผลตอบแทนจากการขุดลงครึ่งหนึ่ง อย่างเช่น Bitcoin Halving เป็นการลดจำนวนบิทคอยน์จากการขุดที่จะออกมาสู่ตลาดโดยปริมาณจะลดลงครึ่งหนึ่งในทุก 4 ปี

จากสถิติรอบ 4 ปี Bitcoin Halving แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงแรก คือช่วง Bull Run ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงระยะเวลาประมาณ 1 ปี ครึ่ง ตามด้วยช่วง Bear Market ตลาดจะร่วงรวดเร็ว  เวลาประมาณ 1 ปีกว่า จากนั้นจะเป็นช่วงสุดท้าย ซึ่งคือช่วงของ Sideway Up ระยะที่ตลาดแกว่งขึ้นลง แต่มีแนวโน้มไปในทางขาขึ้น ดังนั้นคนจำนวนจึงมากคาดหวังถึงการเพิ่มขึ้นของราคา และการมาถึงของ Bull Run หลังเดือนเมษายน 2024